บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี ปูพรมธุรกิจปี 2567 เดินหน้าต่อยอดธุรกิจ Non-Oil – ก๊าซ LPG และกาแฟพันธุ์ไทยเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง พร้อมประเมินยอดขายน้ำมันปีนี้โต 10-12% ด้านซีอีโอ “พิทักษ์ รัชกิจประการ” มั่นใจภาพรวมธุรกิจปีนี้ยังสดใสจากธุรกิจ Non-Oil ก๊าซ LPG และกาแฟพันธุ์ไทยที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จากยอดสมาชิกบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus เพิ่มขึ้น
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) เปิดเผยในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน(Opportunity Day) สำหรับผลประกอบการงวดปี 2566 ว่าในช่วงที่ผ่านมาธุรกิจและผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี และมีความมั่นคงมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าปี 2567 ทิศทางธุรกิจของบริษัทฯ จะยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปีที่ผานมา โดยบริษัทฯ ประมาณการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันไว้ที่ 10-12% ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากการขยายตัวจากการบริโภคภาคเอกชน รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่อง และปัจจัยภายในของบริษัทฯ เอง ที่มีการยกระดับการให้บริการ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น รวมถึงการเข้ามาใช้บริการซ้ำของลูกค้ากลุ่มผู้ถือบัตร PT Max Card และ Max Card Plus
พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังคงวางเป้าการขยายสถานีบริการในปี 2567 ไว้ที่จำนวน 2,251 สถานีบริการ รวมถึงมีการปรับปรุงสถานีบริการให้มีความทันสมัย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้สามารถเข้าถึงความ “อยู่ดี มีสุข” ภายใต้ระบบนิเวศของบริษัทฯ
สำหรับธุรกิจ Non-Oil วางเป้าเติบโตไว้ที่ 40-50% โดยตั้งเป้าการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG ไว้ที่ 30-40% แบ่งเป็นการเติบโตที่มาจาก 1.กลุ่ม Auto LPG ด้วยการยกระดับประสบการณ์ให้แก่ลูกค้าด้วยงานบริการ ส่งเสริมยอดขาย และครองส่วนแบ่งการตลาด อันดับ 1 ด้วยโครงการ “Taxi Transform” และ “Auto Transform” รวมถึงการใช้กลยุทธ์ทำงานด้านการตลาดผ่านระบบสมาชิก บัตร PT Max Card เพื่อรักษาและขยายฐานลูกค้า 2.กลุ่มก๊าซครัวเรือนและอุตสาหกรรมด้วยการมุ่งรักษาฐานลูกค้าหลักเดิม และหาฐานลูกค้าใหม่ รวมถึงการนำเสนอโปรโมชั่นการขาย และการรับรู้แบรนด์ PT แก่ลูกค้า และ 3. เน้นการขยายจำนวนสถานีบริการ Auto LPG และ Gas Shop เป็น 788 สาขา จากเดิมที่มีอยู่ 573 สาขาในปี 2566
ส่วนธุรกิจร้านกาแฟพันธุ์ไทยเน้นขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ที่มีศักยภาพมากขึ้น อาทิ ย่านใจกลางเมือง ย่านธุรกิจที่มีกำลังซื้อสูง (CBD: Central Business District) หัวเมืองตามจังหวัดต่างๆ ศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้า สถานที่ราชการ โรงพยาบาล และมหาวิทยาลัย ซึ่งในปัจจุบันกาแฟพันธุ์ไทยมีสาขาจำนวนกว่า 900 สาขา โดยตั้งเป้าหมายขยายสาขาเพิ่มอีก 400 สาขาทั่วประเทศไทย เข้าสู่ระดับอำเภอที่มีศักยภาพ เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศไทยรวมจำนวนกว่า 1,300 สาขา ภายในปี 2567 นี้
ขณะที่ธุรกิจอื่น ๆ ภายใต้ Max World ยังคงวางแผนขยายสาขาและ Touchpoints อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้วางเป้าจำนวนสาขาธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ เป็น 961 Touchpoints เพิ่มขึ้น 329 Touchpoints ซึ่งมีการขยายหลัก ๆ มาจากสถานีอัดประจุไฟฟ้า Elex by EGAT PT เพื่อรองรับการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ศูนย์บริการ และซ่อมบำรุงรถยนต์ Autobacs และสาขาร้านสะดวกซื้อ Max Mart เป็นต้น
“บริษัทฯ เชื่อว่าในปี 2567 ภาพรวมของกลุ่ม PTG ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯ จะเดินหน้าในการเสริมสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจให้แข็งแรง โดยการร่วมเป็นพันธมิตรกับผู้ค้ารายต่าง ๆ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้า ได้อย่างครอบคลุม และสามารถใช้ชีวิตภายใต้ระบบนิเวศของบริษัทฯ ได้อย่าง อยู่ดี มีสุข เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมีศักยภาพและมีความมั่นคงตลอดไป”
นายพิทักษ์กล่าวเพิ่มว่า ภายในปี 2570 บริษัทฯ ตั้งเป้าครองส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันผ่านช่องทางสถานีบริการมากกว่า 25% ผ่าน 3 กลยุทธ์ ได้แก่ 1) Expansion & Renovation 2) Service Innovation 3) Data Optimization พร้อมตั้งเป้าฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 30 ล้านสมาชิก ส่วนร้านกาแฟพันธุ์ไทยมุ่งขยายสาขาร้านในรูปแบบของ “แฟรนไชส์” มากขึ้น ทั้งภายในและนอกสถานีบริการน้ำมันเป็นจำนวนรวม 5,000 สาขาครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รวมถึงขยายออกสู่ตลาดต่างประเทศเช่น ลาว พร้อมพัฒนาและมุ่งหาธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศของ PTG ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
ด้านนายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาธุรกิจในเครือ PTG ยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง แม้ปริมาณการใช้น้ำมันของประเทศผ่านสถานีบริการจะเติบโตเพียง 2.2% แต่ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันของ PTG ผ่านสถานีบริการกลับเติบโตอย่างโดดเด่นถึง 13.3% ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของประเทศถึง 6 เท่า และโตในทุกช่องทางที่ 12.1% เป็น 5,960 ล้านลิตร ถือเป็นสถิติสูงที่สุดอีกครั้งนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ และเป็นครั้งแรกของบริษัทฯ ที่สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันผ่านช่องทางสถานีบริการได้มากกว่า 20%
ขณะที่ธุรกิจ Non-Oil มีรายได้จากการขายและการให้บริการเติบโต 44.4% อยู่ที่ 13,688 ล้านบาท เป็นการเติบโตจากธุรกิจก๊าซ LPG ที่สร้างสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่องที่จำนวน 634 ล้านลิตร และมีการขยายจุดบริการก๊าซ LPG ในครัวเรือนจำนวน 332 จุด ส่วนธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทย มีรายได้เพิ่มขึ้น 54.1% จากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องโดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2566 มีจำนวนสาขาอยู่ที่ 882 สาขา เพิ่มขึ้น 371 สาขาจากสิ้นปีที่ผ่านมา ประกอบกับการเติบโตของสาขาเดิม (Same-Store-Sales) จากการกลับเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่องของกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus ซึ่งปี 2566 บริษัทฯ มีสาขาของธุรกิจ Non-Oil รวมทั้งสิ้น 2,087 สาขา เพิ่มขึ้น 561 สาขา หรือเติบโต 36.8% และมีสัดส่วนกำไรขั้นต้นจากธุรกิจ Non-Oil เป็นไปตามเป้าหมายที่ 21.2%