กรุงเทพประกันภัยปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ จัดตั้งบมจ. บีเคไอ โฮลดิ้งส์ “BKIH” ก้าวใหม่ที่พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความมั่นคงอย่างยั่งยืน ระบุไตรมาส 2/67 ชูทำเทนเดอร์ฯ BKI 1 หุ้น ต่อ BKIH 1หุ้น พร้อมนำหุ้น BKIH เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯแทนที่หุ้น BKI สร้างโอกาสใหม่ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มความคล่องตัวในการขยายการลงทุน เพิ่มความหลากหลายและมีศักยภาพทางธุรกิจ ปีกธงสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน เผยพอร์ตลงทุนปีนี้อาจปรับตัวตามภาวะตลาดหุ้นกระทบ ROE แต่ธุรกิจเติบโต เงินกองทุนเพิ่มขึ้น
ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่
บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยว่า ท่ามกลางความท้าทายใหม่ที่เกิดอย่างต่อเนื่อง บริบทของธุรกิจการเงินในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยยะสำคัญ ส่งผลให้วิถีการใช้ชีวิตและพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บริษัทฯ จึงมีแผนที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และดำเนินธุรกิจตามทิศทางเชิงกลยุทธ์ที่เหมาะสมต่อภาวะอุตสาหกรรมและการแข่งขัน ด้วยการลงทุนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศที่จะก่อให้เกิดการเติบโตอย่างก้าวกระโดดผ่านแผนการปรับโครงสร้างของบริษัทฯ โดยการจัดตั้ง บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือBKIH เพื่อประกอบธุรกิจเป็นบริษัทลงทุน (Holding Company) ในธุรกิจอื่นๆ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัยที่เป็นธุรกิจหลัก และที่นอกเหนือจากธุรกิจประกันภัย โดยบริษัทโฮลดิ้งส์จะมีบทบาทในด้านการกำหนดนโยบาย กำกับดูแล และบริหารจัดการกลุ่มธุรกิจให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์โดยรวม ตลอดจนบริหารจัดการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่สร้าง ประโยชน์ให้ทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกๆ รายได้หลักของ BKIH ยังมาจากรายได้ธุรกิจประกันภัยของ BKI เป็นหลัก
ความคืบหน้าในการปรับโครงสร้างนั้น บริษัทฯ จะมีการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2566 ในวันที่ 6 ตุลาคม 2566 เพื่อพิจารณาอนุมัติแผนการปรับโครงสร้าง และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จากนั้น BKIH ซึ่งปัจจุบันได้จัดตั้งบริษัทแล้ว จะดำเนินการยื่นไฟลิ่ง (แบบ 69/247-1) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต) เพื่อพิจารณาต่อไป โดยคาดว่าภายหลังจากสำนักงาน ก.ล.ต. อนุมัติ จะเข้าสู่ขั้นตอนการทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ BKI
โดย BKIH จะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BKIH เพื่อแลกกับหุ้นสามัญของ BKI ในอัตราเท่ากับ 1 หุ้นสามัญของ BKI ต่อ 1 หุ้นสามัญของ BKIH ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 และภายหลังการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทฯ เสร็จสิ้นแล้ว BKI จะดำเนินการเพิกถอนหุ้นของบริษัทฯ ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ BKIH จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แทนที่หุ้นของบริษัทฯ ในวันเดียวกันกับที่หุ้นของบริษัทฯ ถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 เช่นเดียวกันทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นของ BKI ที่เข้าร่วมการแลกเปลี่ยนหุ้น หรือตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์จาก BKIH จะไม่ได้รับ ผลกระทบทางภาษีใดๆ อันเป็นผลจากธุรกรรมการแลกหุ้น
"คาดผู้ถือหุ้นจะร่วมแลกหุ้นเกือบทั้งหมดราว 99% ซึ่งจะทำให้ทุนจดทะเบียนของ BKIH อยู่ที่ 1 พันล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากทุนฯของ BKI ที่มีราว 1.1 พันล้านบาท ส่วนโฮลดิ้งส์หากจะมีการเข้าลงทุนธุรกิจใหม่ๆที่ผูกโยงกับธุรกิจประกันภัย เช่น เทค คอมพานี หรือ ในอนาคตอาจมี เมดิเคล เฮลท์แคร์ แหล่งเงินลงทุนจะมาจากการกู้ยืมสถาบันการเงิน ออกหุ้นกู้ เป็นต้น และเป้าหมายการลงทุนใหม่ ควรจะต้องมีผลต่อ bottom line ของงบฯ (กำไรสุทธิ) "ดร.อภิสิทธิ์ กล่าว
นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ บมจ. กรุงเทพประกันภัย กล่าวว่า สำหรับพอร์ตการลงทุนในปีนี้ ปรับตัวลดลงหลังจากการเลือกตั้งผ่านไป ซึ่งก็มีปัจจัยจากสภาพแวดล้อมที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาทิเช่น ราคาน้ำมันโลกยังมีแนวโน้มสูงขึ้น แต่ร้ฐบาลต้องการแก้ปัญหาด้วยการอุ้มราคาน้ำมัน ซึ่งรัฐบาลมีภาระการชดเชยส่วนต่างดังกล่าว ซึ่งกระทบต่อคงามเขื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะต่างชาติที่ขายหุ้นไทยต่อเนื่องประกอบกับค่าเงินบาทอ่อน และแนวโน้มตลาดหุ้นสหรัฐที่ไม่ดี จึงกระทบตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงไทย
"ตลาดหุ้นยังไหลลงอยู่ช่วงนี้ แต่คิดว่าอีก 1 เดือนน่าจะเข้าไปซื้อได้ ซึ่งพอร์ตของ BKI เป็นการลงทุนระยะยาว 3-5 ปี ตอนนี้เรายังไม่ได้ปรับพอร์ตอะไรเท่าไหร่ แต่หากมีหุ้นตัวไหนที่คิดว่าน่าจะปรับขึ้นลำบาก ในระยะย่ว 3-4 ปีข้างหน้า ก็จะขายออกไป แต่หลักๆ พอร์ต BKI ยังถือธนาคารกรุงเทพ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) กรุงเทพประกันชีวิต "
ดร. อภิสิทธิ์ กล่าวถึง หากแนวโน้มพอร์ตลงทุนในปีนี้มีมูลค่าลดลงตามตลาดหุ้น จะกระทบผลดำเนินงานของ BKI หรือไม่ อาจจะกระทบผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้น(ROE) ลดลงได้ แต่มนแง่ของธุรกิจประกันภัย ที่เติบโต จะส่งผลให้อัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR Ratio) เพิ่มขึ้น ทำให้เป็นบวกต่อฐานะการเงินมั่นคงของ BKI
ทั้งนี้ สำหรับการดำเนินธุรกิจของ BKIH ในอนาคต ภายหลังการปรับโครงสร้างการถือหุ้น บริษัทฯ วางแผนจะดำเนินธุรกิจผ่าน 2 กลุ่ม ประกอบด้วย
1. กลุ่มธุรกิจหลัก ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัย โดยจะมีขนาดสินทรัพย์รวมกันไม่น้อยกว่า 75% ของสินทรัพย์รวมของ BKIH ประกอบด้วย 3 สายงานธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจประกันวินาศภัยในประเทศไทย (Non-Life Insurance) ธุรกิจประกันภัยในต่างประเทศ (International Insurance) และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัย(Insurance Related)
2. กลุ่มธุรกิจอื่น ดำเนินธุรกิจนอกเหนือจากการประกันภัย โดยจะมีขนาดของสินทรัพย์รวมกัน ไม่เกิน 25% ของสินทรัพย์รวมของ BKIH ซึ่งบริษัทโฮลดิ้งส์จะพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการลงทุนในธุรกิจที่มีแนวโน้มจะส่งเสริมธุรกิจประกันภัย และ/หรือธุรกิจที่จะสร้างประโยชน์ให้แก่นักลงทุนและผู้บริโภค
โดย BKIH กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาในธุรกิจต่างๆ ที่มีศักยภาพ เพื่อเป็นแนวทางการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ อาทิ การเข้าไปลงทุนด้านการพัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอุตสาหกรรมประกันภัย เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงใจ ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่มีความหลากหลายในยุคดิจิทัลพร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่สะดวก รวดเร็ว และง่ายต่อการใช้งานด้วยรูปแบบ Zero-Touch Customer Experience