Market

InnovestX คาด SET  สัญญาณยังดูอ่อนแรง สภาพัฒน์แถลง GDP ไทยปี 66 และคาดการณ์ปี 67 
19 ก.พ. 2567

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (19 ก.พ.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET ในภาพรวมสัญญาณยังดูอ่อนแรง ทำให้การฟื้นตัวยังถูกจำกัด โดยมีกรอบบนที่แนวต้านบริเวณ 1390 และ 1397 จุด ตามลำดับ ขณะที่มีแนวโน้มอ่อนตัวลงได้อยู่ โดยมีแนวรับที่ 1380 จุด หากต่ำกว่า เป็นสัญญาณลบต่อ และมีแนวรับถัดไปที่ 1370 จุดประเด็นสำคัญ ติดตามตัวเลข GDP ไทย ใน Q4/66 เช้านี้

 

ประเด็นสำคัญ

• สหรัฐรายงานดัชนี Headline PPI ปรับขึ้น 0.9%YoY และ 0.3%MoM และ Core PPI ม.ค. ปรับขึ้น 2.0%YoY และ 0.5%MoM สูงกว่าตลาดคาด ทำให้ตลาดกังวล Fed อาจชะลอการตัดสินใจปรับลด ดบ.

 

• USDA ระบุราคาถั่วเหลืองมีแนวโน้มชะลอตัวลงในสัปดาห์นี้ เนื่องจากอุปสงค์จากจีนอ่อนแรงลง รวมทั้งความเป็นไปได้ที่จะมีฝนตกลงมาในพื้นที่เพาะปลูกของอาร์เจนตินาและบราซิล ซึ่งอาจจะทำให้ผลผลิตในพื้นที่ดังกล่าวปรับตัวสูงขึ้น

 

• PBOC อัดฉีดเงิน 5 แสนล้านหยวนเข้าสู่ระบบ ธ.พ. เพื่อเพิ่มสภาพคล่องผ่านโครงการเงินกู้ระยะกลางที่ ดบ. 2.5% และยังอัดฉีดเงิน 1.05 แสนล้านหยวนผ่าน reverse repo อายุ 7 วัน ดบ. 1.8%

 

• จีนเรียกร้องให้สหรัฐยกเลิกการคว่ำบาตรและยุติการคุกคามชาวจีนที่เดินทางไปสหรัฐ บ่งชี้ถึงปัญหาด้านการทูตที่ยังคงมีอยู่ระหว่างทั้งสองประเทศ แม้ว่าความสัมพันธ์เริ่มกระเตื้องขึ้นก็ตาม

 

• ส.อ.ท.คาดการณ์ปี 2567 อัตราการปฏิเสธสินเชื่อรถยนต์จะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 30-50% เหตุมีรถยนต์ถูกยึดมากขึ้น เพราะผู้ซื้อผ่อนต่อไม่ไหว ทำให้เป็นหนี้เสียในระบบโดยเฉพาะกลุ่มรถกระบะ

 

• ก. ท่องเที่ยวฯ เตรียมหารือ ททท. 19 ก.พ. ทำแผนดึงชาร์เตอร์ไฟลต์ 6 ตลาดหลักเข้าไทยเพิ่ม หวังกระตุ้นยอด นทท. ต่างชาติ คาดที่ 40 ล้านคน สร้างรายได้ 3.5 ล้านลบ.

 

• สธ. ระบุพบโควิด-19 สายพันธุ์ JN.1 เพิ่มต่อเนื่อง โดยยังไม่พบว่ามีระดับความรุนแรงของโรคเพิ่มขึ้นจากสายพันธุ์เดิม และคาดว่าจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในปัจจุบัน

 

กลยุทธลงทุน ช่วงสั้นตลาดหุ้นไทยยังแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ เนื่องจากไร้ปัจจัยหนุนใหม่ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังอยู่ระหว่างรอดูผลประกอบการ 4Q66 ของ บจ. ไทยที่จะทยอยออกมาซึ่งคาดยังมีแนวโน้มอ่อนแอ นอกจากนั้นตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่กำลังจะทยอยออกมามองตลาดรับรู้ไปแล้วในระดับหนึ่ง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ“Selective Buy”

 

Weekly Portfolio : ช่วงสั้น SET แกว่งตัวในกรอบแคบ หลังไร้ปัจจัยหนุนใหม่และอยู่ระหว่างรอดูผลประกอบการ 4Q66 ของ บจ.ไทย กลยุทธ์ลงทุนจึงคงเน้น “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้

 

1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติมาในไทยฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่อง ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่ตอบสนองมากนัก เลือก AOT MINT

 

2) หุ้นปันผลคุณภาพดีที่คาดประกาศจ่ายเงินปันผลในสัปดาห์นี้ (XD ในช่วง มี.ค.–พ.ค. นี้) โดยคาดให้ Div. Yield ปี 66 (หลังหักจ่ายระหว่างกาลแล้ว) เกิน 5% เลือก AP BCP KTB

 

3) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA เนื่องจากมองเป็นจังหวะที่ดีที่สุดหลัง SET ปรับลงแรงจนความเสี่ยงลดลงไปมาก และราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Ratings ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง

 

ระยะสั้นแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดผลประกอบการ 4Q66 อาจอ่อนแอกว่าตลาดคาดได้แก่ BJC HMPRO ZEN CPF

 

TOP Picks

KTB คาดกำไรปี 2567 โต 12%YoY หนุนจาก Credit cost ลดลงจากการตั้งสำรองmanagement overlay น้อยลง และการเติบโตสินเชื่อฟื้นตัว อีกทั้ง NIM เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ Valuation ยังถูก และมี Div. Yield ที่ดี คาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 66 ที่ 0.92 บ./หุ้น คิดเป็น Div. Yield 5.9%

CPALL 4Q66 คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 54%YoY และ 9%QoQ เติบโตดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ จากยอดขายที่ดีขึ้นและ ดบ. จ่ายที่ลดลงจากการรีไฟแนนซ์หนี้ของ CPAXT เสร็จสิ้น คาดกำไรปี 2566 เติบโต 36%YoY และโตอีก 17%YoY ในปี 2567 มองราคาหุ้นยังไม่สะท้อนแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่ง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com