ทิศทางหุ้นไทย ยังกังวลความไม่แน่นอนการลด ดบ.ของเฟด วันนี้ กทม. หารือการชำระหนี้งาน E&M ของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายให้กับ BTS มูลค่า 2.3 หมื่นลบ. ส่วน TU ถอนลงทุนใน Red Lobster ฉุดงบ Q4/66 -รับซื้อหุ้นคืน 20 ก.พ.–30 มิ.ย. 67
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (17 ม.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET อ่อนตัวลงได้อยู่ หลังความเห็นเจ้าหน้าที่เฟด สร้างความกังวลต่อความไม่แน่นอนในการลดดอกเบี้ย โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1390 และ 1380 จุด ตามลำดับ เป็นบริเวณลุ้นฟื้นตัว ด้านกรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1411 จุด ซึ่งหากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเป็นสัญญาณบวกต่อภาพการฟื้นตัว โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1420 จุด
ประเด็นสำคัญ
• คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ สมาชิกคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐกล่าวว่า Fed มีแนวโน้มลด ดบ. ในปีนี้ แต่จะเป็นการปรับลดอย่างระมัดระวังและไม่รวดเร็วตามที่ตลาดคาดการณ์
• ราคาหุ้น AAPL ลดลง 1.2%DoD หลังประกาศลดราคา iPhone 15 ที่ขายในจีนตอกย้ำอุปสงค์ iPhone ในจีนกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง
• ครม. อนุมัติปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลและน้ำมันอื่นๆ ที่คล้ายกันประมาณ 1 บ./ลิตร ตรึงไม่เกิน 30 บ./ลิตร จนถึงหลังสงกรานต์ เริ่ม 20 ม.ค.-19 เม.ย. 67
• กกพ. ระบุกรณีที่เอกชนต้องการให้ค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 3.60 บ./หน่วย ระยะยาวไม่เกิน 3 บ./หน่วยนั้น เป็นไปได้ยาก จากโครงสร้างใหม่ได้เพียง 4.20 บ. เตรียมคืนเงิน กฟผ. กังวลแบกหนี้สะสมกว่าแสนลบ.
• กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ JN.1 แล้ว 40 รายในไทย เริ่มพบตั้งแต่ ต.ค.66 ก่อนมากขึ้นใน ธ.ค. มีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักแทนที่ XBB.1.9.2
• วันนี้ติดตามผลประชุมสภา กทม. เรื่องการชำระหนี้งาน E&M ของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายให้กับ BTS มูลค่า 2.3 หมื่นลบ. โดยถ้าอนุมัติคาดจะสร้าง sentiment บวกต่อราคาหุ้นได้ในระยะสั้น แต่ยังต้องระมัดระวังการเก็งกำไรเนื่องจากปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยน
• TU ประกาศถอนลงทุนใน Red Lobster คาดบันทึกรายการด้อยค่าที่ไม่ใช่เงินสดครั้งเดียวราว 1.85 หมื่นลบ. ใน 4Q66 และประกาศแผนซื้อหุ้นคืนวงเงินไม่เกิน 3.6 พันลบ. ไม่เกิน 200 ล้านหุ้น (4.3% ของหุ้นรวม) กำหนดระยะเวลาซื้อหุ้นคืน 20 ก.พ.–30 มิ.ย. 67
Top Picks
AOT ปัจจุบันเทรดที่ PEG 0.2 เท่า ต่ำกว่า PEG เฉลี่ยหุ้นกลุ่มเดียวกันในภูมิภาคที่ 0.3 เท่า ขณะที่แนวโน้มกำไรแข็งแกร่ง คาดกำไรปกติ 1QFY67 (ต.ค.-ธ.ค. 66) ที่ 5.6 พันลบ. เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด YoY และ 54%QoQ หลังจำนวนผู้โดยสารระหว่าง ปท. ขึ้นสู่16.9 ล้านคน (+54%YoY, +13%QoQ)
BDMS มองได้ประโยชน์สูงสุดจากการเติบโตระยะยาวในพื้นที่ EEC คาดกำไรปกติ4Q66 เติบโต YoY หนุนทั้งปี 2566 เติบโต 12%YoY และโตต่อเนื่องอีก 8%YoY ในปี2567 จากบริการผู้ป่วยต่างชาติที่เติบโตมากขึ้น รายได้จากศูนย์ความเป็นเลิศที่เพิ่มขึ้น และการใช้ประโยชน์สินทรัพย์ได้ดีขึ้น
ช่วงสั้นตลาดหุ้นไทยจะได้รับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก ซึ่งคาดตัวเลขเศรษฐกิจจีน(GDP 4Q66) และสหรัฐ (ยอดขายปลีกและยอดขายบ้านมือสอง) ยังออกมาไม่สดใสมากนัก อย่างไรก็ดี ความคาดหวังเชิงบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนและลดดอกเบี้ยของเฟดคาดจะช่วยลดแรงกดดันลงได้บ้าง ภายใต้ในประเทศที่ยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”