แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (10 พ.ค..) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด แม้ SET ได้ปัจจัยหนุนความหวังในการลดดอกเบี้ยของเฟด หลังยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐสูงกว่าคาด อย่างไรก็ตาม สัญญาณเทคนิคที่อ่อนแรง ทำให้มองกรอบบนยังถูกจำกัดที่แนวต้าน 1380 และ 1385 จุด ตามลำดับ และมีแนวโน้มอ่อนตัวได้อยู่ โดยมีแนวรับที่ 1363 และ 1355 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
• จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ 2.31 แสนราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 8 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือน ส.ค.2566 และสูงกว่าตลาดคาด
• BoE มีมติด้วยคะแนนเสียง 7-2 ในการคง ดบ. ที่ระดับ 5.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี สอดคล้องกับตลาดคาด
• สนง. ศุลกากรจีนรายงานยอดส่งออก เม.ย. กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง 1.5%YoY หลังหดตัวลงอย่างรุนแรง 7.5%YoY ในเดือน มี.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าอุปสงค์สินค้าจีนใน ตปท. เริ่มปรับตัวดีขึ้น
• ทางการจีนระบุนำเข้าน้ำมันดิบ 44.72 ล้านตันในเม.ย. หรือราว 10.88 ล้านบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 5.45%YoY บ่งชี้อุปสงค์น้ำมันที่เพิ่มขึ้นในจีน
• จีนเตรียมลงนามข้อตกลงร่วมกับฮังการีอย่างน้อย 16 ฉบับ ส่งเสริมความร่วมมือในด้านโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟและถนน, พลังงานนิวเคลียร์ และอุตสาหกรรมยานยนต์
• นายกฯ สั่งการ สธ. แก้ไขประกาศกระทรวง ดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดประเภท 5 และออกกฎกระทรวงอนุญาตให้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้
• ก. คลังเตรียมเสนอ ครม. จัดเก็บ VAT จากการนำเข้าสินค้ามูลค่าไม่เกิน 1,500 บ. สัปดาห์หน้า ส่วนการฟื้นกองทุน LTF กรมสรรพากรจะศึกษาผลกระทบจากรายได้ที่จะหายไปกว่าหมื่นลบ. และประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น
• ติดตามการประเมินความเสียหายจากสถานการณ์ไฟไหม้ถังสารเคมีของ บจ. มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SCC ตั้งอยู่ที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบ หลังขาดปัจจัยชี้นำที่ชัดเจน โดยปัจจัยในประเทศยังอยู่ระหว่างรอดูผลประกอบการ 1Q67 ของกลุ่ม Real Sector ที่กำลังทยอยประกาศภายในกลาง พ.ค. นี้ ขณะที่การประชุมของเฟดที่มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายและส่งสัญญาณว่าเฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 11-12 มิ.ย. เป็นไปตามตลาดคาด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
Top Picks
GFPT มองมีหลายปัจจัยหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัว outperform SET อาทิ กำไร 1Q67 ออกมาดีกว่าตลาดคาด, กำไร 2Q67 มีแนวโน้มที่จะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากการส่งออกมากขึ้นและราคาผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น ท่ามกลางต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลง ปัจจุบันซื้อขาย PER 67F ที่ 8.7 เท่า (-1.5 S.D. จาก PE เฉลี่ย 10 ปี)
PTTEP มองเป็นหุ้นที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากกรณีสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง และราคาน้ำมันที่แข็งแกร่งในระยะสั้นยังเป็นปัจจัยกระตุ้น ขณะที่ผลการดำเนินงานและงบดุลยังแข็งแกร่ง คาดกำไร 2Q67 จะดีขึ้นต่อเนื่องจากราคาน้ำมันและปริมาณการขายที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์