แนวโน้มตลาดวันนี้ (19 ก.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด หลังผลประชุมเฟดลดดอกเบี้ย 0.5% และจะลดอีก 0.25% จำนวน 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี ไม่ต่างจากที่ตลาดคาดไว้นัก ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐ และทองคำปรับขึ้นช่วงสั้น หลังจากนั้นโดนแรงขาย ส่วนดัชนีดอลลาร์เด้งกลับเร็ว ทำให้คาด SET มีโอกาสเผชิญ sell on fact โดยมีแนวรับที่ 1420 และ 1410 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1445-1450 จุด
ประเด็นสำคัญ
• นายกฯ ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว คาดจะเริ่มประชุมนัดแรกในสัปดาห์หน้า เพื่อขับเคลื่อนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบตามที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา
• ส.อ.ท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ส.ค. อยู่ที่ 87.7 ลดลงจาก ก.ค. อยู่ที่ 89.3 จากกังวลน้ำท่วม อุปสงค์ในประเทศชะลอ การปฏิเสธสินเชื่อกลุ่มรถยนต์ เร่งภาครัฐออกมาตรการเยียวยาภาคธุรกิจ และแผนเยียวยาผลกระทบน้ำท่วม เสนอใช้มาตรการภาษี
• นายกฯ เรียกผู้ว่าททท. หารือแผนกระตุ้น การท่องเที่ยวปี 2568 ย้ำเม็ดเงินต้องกระจายลงทุกพื้นที่ ด้านผู้ว่าฯ ททท. เตรียมเสนอแผนท่องเที่ยว ใน 1-2 สัปดาห์นี้ พร้อมหนุนหากรื้อโครงการเราเที่ยวด้วยกัน-คนละครึ่ง
• รมว. คลังเผยจะนัดพบธปท. หารือถึงการกำหนดกรอบบริหารอัตราเงินเฟ้อปี 2568 ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 1-3% ซึ่งมองว่าอยู่ในระดับต่ำมานานถึงเวลาควรที่จะปรับขึ้นเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้มากขึ้น
• เฟดมีมติปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้น 50bps สู่ระดับ 4.75-5.00% ซึ่งเป็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี โดยตลาดมองอาจสะท้อนว่าเฟดกังวลภาวะเศรษฐกิจและการชะลอตัวของตลาดแรงงาน ส่วน Dot Plot ส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยอีก 50bps ในสิ้นปีนี้
• สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล ลดลงมากกว่าตลาดคาดที่ 0.2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันดิบในเมืองคูชิง โอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล
• ประธานเฟดแถลงหลังการประชุมว่าการที่เฟดปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงถือเป็นการปรับจุดยืนด้านนโยบายการเงิน และระบุว่าเฟดจะตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเป็นครั้งๆ ไป
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมอง SET ยังอยู่ในช่วงของการพักตัวและมี Upside จำกัด แต่อาจมีปัจจัยหนุนจากความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งจะช่วยหนุนบรรายากาศลงทุนของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้นได้ อย่างไรก็ดี ต้องจับตาความแตกต่างด้านการดำเนินนโยบายของ BoJ ซึ่งอาจส่งผลต่อ Yen Carry Trade ที่อาจกระตุ้นแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกได้ ท่ามกลางกระแสเงินในตลาด EM ที่ไม่ชัดเจน ทั้งนี้ในส่วนของตลาดหุ้นไทยมองจะมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าในกลุ่ม Defensive อย่าง กลุ่มค้าปลีก กลุ่มการแพทย์ กลุ่มโรงไฟฟ้า กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
Top picks
CPALL: กำไร 2H67 คาดจะเติบโต YoY ดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ โดย 3Q67 คาดกำไรจะเติบโต YoY และ QoQ แรงหนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้นจากธุรกิจ CVS และ CPAXT ส่วน 4Q67 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2567 จากเข้าสู่ High Season อีกทั้ง valuation น่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PER 67F ระดับ 25 เท่า (-2SD)
MINT: มองโมเมนตัมกำไรยังแข็งแกร่ง โดย 3Q67 คาดกำไรปกติจะเติบโต YoY แต่ลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ส่วน 2H67 คาดกำไรปกติจะเติบโตทั้ง YoY และ HoH จากธุรกิจโรงแรมที่แข็งแกร่งในยุโรปจากการเพิ่มขึ้นของ ARR ขณะที่ราคาหุ้นเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตามภาพตลาดหุ้นไทย แต่ยังลดลง 3.4%YTD ส่งผลให้ valuation ยังถูก (PBV -2SD)