แนวโน้มตลาดวันนี้ (8 พ.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดเฟดลดดอกเบี้ยตามคาด 25bps แม้ส่งผลให้ Sentiment ผ่อนคลาย เนื่องจากดอลลาร์กลับมาอ่อนค่า และ Bond Yield สหรัฐฯชะลอตัว อย่างไรก็ตามยังให้ระมัดระวัง โดยมองตลาดยังกังวลนโยบายทรัมป์กระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ ด้านกรอบบนจำกัดที่แนวต้าน 1478-1487 จุด และยังมี Downside โดยมีแนวรับที่ 1450-1460 จุด ประเด็นสำคัญ ติดตามประชุม NPC จีน วันนี้
ประเด็นสำคัญ
• ตลท. ขอให้ผู้ลงทุนพิจารณาข้อมูลประกอบอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อขายหุ้น DELTA เนื่องจากราคาปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยมี PER ที่ 91.11 เท่า และ PBV ที่ 25.36 เท่า
• กฟผ. เผยอยู่ระหว่างศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับตามร่างแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP2024) 3 โครงการ กำลังผลิตรวม 2,472MW ต้นทุนผลิตไฟ 2 บาท ลดการปล่อยคาร์บอน ดันไทยสู่เป้า Net Zero
• รมว.พาณิชย์มั่นใจไทยได้ประโยชน์หลังทรัมป์นั่งผู้นำสหรัฐ คาดส่งออกไปสหรัฐฯ เพิ่มจากการเข้าไปทดแทนสินค้าจีน ลุ้นส่งออกโตพุ่ง 5% ขณะที่ต่างชาติจะย้ายฐานลงทุนมาไทยมากขึ้น
• BoE มีมติ 8 ต่อ 1 ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps เหลือ 4.75% ตามตลาดคาด หลังเห็นเงินเฟ้อชะลอตัวต่อเนื่อง แม้จะปรับคาดการณ์เงินเฟ้อขึ้นในปีหน้าขึ้นเป็น 2.75% ก่อนที่จะลงสู่กรอบ 2% ในปี 2569
• เฟดมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 25bps สู่ระดับ 4.50-4.75% ตามตลาดคาด ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในปีนี้ โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน
• สำนักงานนิรภัยและการบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (BSEE) เผยการผลิตน้ำมันในเขตกัลฟ์โคสต์ของสหรัฐฯ กว่า 22% หรือประมาณ 391,214 บาร์เรล/วันได้ถูกระงับ เพื่อรับมือกับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนราฟาเอล
• สำนักศุลกากรจีนเผยยอดส่งออกจีน ต.ค. ขยายตัว 12.7% สูงกว่าตลาดคาดมาก หนุนจากอุปสงค์ต่างประเทศที่แข็งแกร่ง แต่การนำเข้าหดตัว 2.3% หดตัวมากกว่าคาดไว้จากอุปสงค์ในประเทศที่ยังอ่อนแอ
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้น SET มีโอกาสฟื้นตัวจากระดับ 1450 จุด เนื่องจากมองตัวเลขเงินเฟ้อจีนจะออกมาต่ำกว่าคาดทำให้จีนอาจจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ และคาดเฟดมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 25bps ซึ่งจะส่งผลดีต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้น รวมไปถึงการเลือกตั้ง ปธน. สหรัฐฯคาดจะทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้อาจจะมีความผันผวนที่สูงหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง ปธน. ส่วนปัจจัยในประเทศน่าจะถูกขับเคลื่อนด้วยผลประกอบการ 3Q67 ของ บจ. ไทยเป็นสำคัญ แต่อย่างไรก็ดี ความผันผวนของค่าเงินและ Fund Flow ที่ยังไหลออกจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ยังเป็นแรงกดดันต่อ Upside ของ SET ที่ 1500 จุด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
Daily top picks
CPALL: 3Q67 คาดกำไรปกติจะเติบโต 39%YoY ดีสุดในกลุ่มพาณิชย์ แรงหนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้นจากธุรกิจ CVS และ CPAXT ส่วน 4Q67 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2567 จากเข้าสู่ High Season ขณะที่มาตรการกระตุ้น ศก. ของรัฐบาลและการปรับลดดอกเบี้ยจะเพิ่ม Upside ให้กับประมาณการ
GPSC: มองมีปัจจัยบวกระยะสั้นจาก Bond Yield ที่ปรับตัวลง ขณะที่ 4Q67 คาดกำไรจะปรับตัวดีขึ้น QoQ และ YoY เนื่องจากคาดผลการดำเนินงานของ ADAAVA จะฟื้นตัวดีขึ้น รวมถึงการ COD เต็มรูปแบบของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมนอกชายฝั่งในไต้หวัน และการหยุดดำเนินการที่ลดน้อยลงของโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ทั้งนี้แนะนำราคาเข้าซื้อวันนี้ไม่เกิน 41 บาท