แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (5 ต.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมิน SET คาดฟื้นตัวได้ต่อ หลังตัวเลขจ้างงาน ADP ต่ำคาด ลดความกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยโดยมีแนวต้านที่ 1455 จุด และจุดติดตามสำคัญบริเวณ 1470 จุด หากปิดเหนือได้ จะสร้างสัญญาณกลับตัว มิฉะนั้นจะเป็นเพียงการฟื้นตัวสลับ และปรับลงได้ต่อเหมือนช่วงที่ผ่านมา ด้านแนวรับอยู่ที่ 1440 และ 1430 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
• สหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน ก.ย. เพิ่มขึ้น 8.9 หมื่นตำแหน่ง ต่ำกว่าคาด, ดัชนีภาคบริการ ก.ย. ลดลงสู่ระดับ 53.6 ตามคาด และคำสั่งซื้อภาคโรงงาน ส.ค. เพิ่มขึ้น 1.2% สูงกว่าคาด
• ยอดค้าปลีกยูโรโซน ส.ค. ลดลง 1.2%MoM และลดลง 2.1%YoY แย่กว่าคาด จากอัตราเงินเฟ้อสูงได้บั่นทอนการบริโภคในยูโรโซน
• OPEC+ มีมติคงนโยบายการผลิตตามข้อตกลงเดือน มิ.ย. ส่งผลให้ปรับลดกำลังการผลิตรวม 3.66 ล้านบาร์เรล/วันถึงสิ้นปีหน้า ด้านรัสเซียเตรียมผ่อนปรนการห้ามส่งออกน้ำมันดีเซลและเบนซินสำเร็จรูป จากที่ระงับการส่งออกเมื่อปลาย ก.ย. 66 ขณะที่ EIA รายงานสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 6.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2 แสนบาร์เรล
• ธปท. กังวล ศก. ไทยระยะยาวจากปัญหาเชิงโครงสร้าง แนะเร่งแก้ปัญหาแรงงาน การศึกษา ผ่อนคลายข้อจำกัดการลงทุน พร้อมเข้าดูแลเงินบาทที่อ่อนค่าและผันผวนกว่าภูมิภาค หากเคลื่อนไหวไม่สอดคล้องปัจจัยพื้นฐาน
• สนค. ระบุเงินเฟ้อไทย ส.ค. 66 ขยายตัว 0.88%YoY ต่ำสุดเป็นอันดับ 10 ของโลกจาก133 เขตเศรษฐกิจที่มีการประกาศตัวเลข
• กกร. คงประมาณการ GDP ปีนี้ 2.5-3% เตรียมเสนอ 7 ข้อเสนอรัฐบาลใหม่ผลักดันศก. โตตามเป้า แนะนำแจกเงินดิจิทัลให้ตรงเป้า โดยใช้ฐานข้อมูลจากแอปเป๋าตังที่ 40 ล้านคน ส่วนเงินที่เหลือ 1.6 แสนลบ. นำไปบริหารจัดการน้ำแทน
โฟกัสหุ้นวันนี้
GULF 2H66 คาดกำไรปกติเพิ่มขึ้น YoY และ HoH แรงหนุนจากโรงไฟฟ้า IPP อีกแห่งหนึ่ง คือ GPD หน่วยที่ 2 (662.5MW) จะเริ่มดำเนินการใน ต.ค. 66 และส่วนแบ่งกำไรจาก Jackson Generation คาดจะเพิ่มขึ้น HoH เทียบกับขาดทุน 349 ลบ. ใน 1H66 จากราคาไฟฟ้าต่ำ
SCGP ช่วงสั้นมองได้อานิสงส์บวกจากราคาพลังงานที่ปรับตัวลง ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวล 36% YTD มองสะท้อนปัจจัยลบส่วนใหญ่ไปแล้ว ส่วนผลประกอบการปกติที่คาดจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 1-2 ไตรมาสข้างหน้าจะช่วยจำกัด downside risk
แม้เดือน ต.ค. คาด SET จะเริ่มปรับตัวดีขึ้น จากคาดหวังมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายภาครัฐและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน อย่างไรก็ดีช่วงสั้นภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ไม่สดใสและการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปที่ยังมีแนวโน้มชะลอตัว คาดจะยังกดดันบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นไทยให้ฟื้นตัวช้าหรือปรับขึ้นได้ไม่แรงมากนัก กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว