บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง โชว์งบไตรมาส 3 กำไร 426.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92.32 % หลังธุรกิจหลักดีขึ้น ทั้งในส่วนของธุรกิจการขาย ธุรกิจก่อสร้าง รวมถึงปริมาณการผลิตไฟฟ้า โครงการพลังงานลม บอร์ดเคาะจ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.06 บาท ขึ้น XD 22 พ.ย.นี้ มั่นใจรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 15%
นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GUNKUL) เปิดเผยว่า เมื่อพิจารณากำไรจากการดำเนินงานตามปกติของกิจการ โดยไม่นับรวม กำไรจากการเปลี่ยนแปลงส่วนได้ส่วนเสียในบริษัทย่อยเป็นการร่วมค้า กำไรจากตราสารอนุพันธ์ ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิและขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนเงินลงทุน จะเห็นได้ว่ากำไรสำหรับงวด 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 มีกำไรสุทธิจำนวน 426.26 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 221.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 204.62 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นในอัตรา 92.32% สำหรับงวด 9 เดือน กำไรจากการดำเนินงานปกติ 1,321.31 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรเพียง 917.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 403.65 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นในอัตรา 43.99%
โดยมีสาเหตุมาจากการดำเนินธุรกิจหลักที่ดีขึ้นทั้งในส่วนของธุรกิจการขาย ธุรกิจก่อสร้าง รวมถึงปริมาณการผลิตไฟฟ้า โครงการพลังงานลมที่เพิ่มขึ้นมากอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 3 เดือน และ 9 เดือน ถึงแม้บริษัทฯ จะถือสัดส่วนเพียง 50% แต่ยังสามารถสร้างกำไรให้กับบริษัทได้อย่างมาก ส่งผลให้กำไรดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมีสาระสำคัญ
ทั้งนี้ จากความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงิน และผลประกอบการที่ยังอยู่ในทิศทางที่ดี ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตราหุ้นละ 0.06 บาท รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 535 ล้านบาท ซึ่งเป็นการจ่ายปันผลจากกำไรสุทธิงวดไตรมาส 3/2566 โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 6 ธันวาคม 2566 นี้
สำหรับโครงการโซลาร์ฟาร์ม ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ซึ่งอยู่ในแผนการดำเนินการของบริษัทฯ คาดว่าโครงการแรกจะมีการจ่ายไฟฟ้าได้ในปี 2569
“บริษัทฯ มีความมั่นใจในศักยภาพและภาพรวมธุรกิจในอนาคตว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากโครงสร้างธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ที่ดำเนินการอยู่ในทุกภาคส่วน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการเติบโตของประเทศ และเทรนด์ธุรกิจด้านพลังงานในอนาคต ซึ่งปีนี้ยังเชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 15%”นางสาวโศภชากล่าว
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯ มีการพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืนโดยให้ความสำคัญต่อการรักษาสมดุลระหว่างการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม และการบริหารงานตามหลักบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance หรือ ESG) และการกำกับดูแลกิจการที่ดีผ่านโครงการต่าง ๆ ทำให้ได้รับการคัดเลือกเป็นหนึ่งในรายชื่อหุ้นยั่งยืน (THSI) และมีการกำกับดูแลที่ดีต่อเนื่อง 7 ปีซ้อน