ATP30 เผยผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 67 รายได้ 535.99 ล้านบาท กำไรสุทธิ 33.53 ล้านบาท โต 73.64% ไตรมาส 3 รายได้ เดินหน้าทำนิวไฮต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 7 เริ่มรับรู้รายได้จากลูกค้าใหม่ในไตรมาส 4/67 มุ่งเน้นพัฒนาระบบ ขยายฐานลูกค้าเพิ่ม ดันผลประกอบการปี 67 โตตามเป้า
นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) (ATP30) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการรถรับส่งพนักงานจากแหล่งที่พักอาศัยในเขตชุมชนไปยังโรงงานอุตสาหกรรม สถานประกอบการโดยเฉพาะรอบเขตนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก (Eastern Seaboard) และเขตอุตสาหกรรมภาคกลาง เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 535.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 497.27 ล้านบาท จำนวน 38.72 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.79% และมีกำไรสุทธิ 33.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 19.31 ล้านบาท จำนวน 14.22 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 73.64%
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 ยังสามารถทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 7 โดยมีรายได้รวม 182.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 169.35 ล้านบาท จำนวน 12.86 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.59% และมีกำไรสุทธิ 12.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9.07 ล้านบาท จำนวน 2.96 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 32.64%
ทั้งนี้ ผลประกอบการของ ATP30 สามารถเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี ทั้งในด้านการปรับปรุงรถเพื่อให้บริการ การควบคุมต้นทุนด้านพลังงาน การเดินรถ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขั้นต้นสูงขึ้นอยู่ที่ 106.58 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 19.92% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่มีกำไรขั้นต้น 84 ล้านบาท หรืออัตรากำไรขั้นต้น 16.95%
อีกทั้งบริษัทมีลูกค้าที่ให้บริการเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของกลุ่มลูกค้าเดิมที่ขยายสัญญา และกลุ่มลูกค้าใหม่ จำนวน 5 ราย คิดเป็นมูลค่าสัญญารวม 1,870 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีรถให้บริการทั้งหมด 702 คัน แบ่งเป็น รถบัส 277 คัน มินิบัส 51 คัน รถตู้ 361 คัน รถกระบะ 2 คัน และรถ EV 11 คัน
“ทิศทางธุรกิจไตรมาส 4 ปีบริษัทยังสามารถสร้างการเติบโตได้ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง จากกลยุทธ์การบริหารจัดการต้นทุนที่แข็งแกร่ง การขยายฐานลูกค้า พร้อมทั้งพัฒนาระบบเพื่อรองรับการเติบโต และต่อยอดงานบริการให้หลากหลายยิ่งขึ้น รวมถึงให้ความสำคัญกับการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อความแข็งแรงและยั่งยืนของบริษัทในอนาคต มั่นใจว่ารายได้ของบริษัทในปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่ 10% และสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับ 20% รวมถึงอัตรากำไรสุทธิประมาณ 8-10%”นายปิยะ กล่าว