JMART ส่งสัญญาณเทิร์นอะราวด์ ย้ำ พื้นฐานไม่เปลี่ยน พร้อมเดินหน้าเติบโตด้วยเทคโนโลยีอย่างมั่นคง เผยผลงาน Q1/67 พลิกทำกำไรต่อเนื่องที่ 236 ลบ. ด้าน JMT-สุกี้ ตี๋น้อย หนุนรายได้
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (JMART) เปิดเผยว่า ในปี 2567 เดินหน้าการเติบโตใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ ค้าปลีก การเงิน และเทคโนโลยี ล่าสุดประกาศผลประกอบการจากงบการเงินรวมประจำไตรมาส 1/2567 รายได้รวมอยู่ที่ 3,575 ล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน 5.8% กำไรสุทธิ 236 ล้านบาท เติบโต 180% ทำได้ดีต่อเนื่องและใกล้เคียงไตรมาส 4/2566 ที่ผ่านมา สะท้อนภาพการฟื้นตัวของผลประกอบการในกลุ่มบริษัท และเชื่อว่าได้เข้าสู่ช่วงของการเทิร์นอะราวด์สำหรับ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) (SINGER) และ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (SGC) พร้อมผลักดันสินเชื่อ Locked Phone ภายใต้โครงการ SG Finance+ ที่ได้เริ่มมียอดขายที่เติบโตชัดเจน
ในด้านความแข็งแกร่งทางเงินทุนของกลุ่มบริษัทเจมาร์ท มีอัตราส่วนของหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (IBD/E) ในระดับต่ำอยู่ที่เพียง 0.69 เท่า พร้อมเงินสดในกระเป๋าเพียงพอ ทำให้มั่นใจว่า บริษัทย่อย บริษัทร่วม และบริษัทที่เข้าไปลงทุนจะสร้างกระแสเงินสดให้เจมาร์ทมากขึ้น และส่งผลกำไรที่ดีต่องบรวมของบริษัท
สำหรับ บริษัทที่เป็นหัวใจในการส่งกำไร คือ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) (JMT) มีการทยอยซื้อหนี้เข้ามาบริหารต่อเนื่อง ณ สิ้นไตรมาส 1/2567 ทำรายได้อยู่ที่ 1,356 ล้านบาท เติบโต 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยภาพรวมธุรกิจติดตามหนี้และธุรกิจประกันลดลงเล็กน้อย ขณะที่ รายได้จากการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารเติบโตขึ้น 16% สำหรับกำไรขั้นต้นเติบโตขึ้นอยู่ที่ 942 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.77% จากงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 68% และมีกำไรสุทธิ 418 ล้านบาท ลดลง 7.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก ผลการขาดทุนทางด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจากการออกหุ้นกู้เพื่อตุนซื้อพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพในปี 2566 ที่ผ่านมา
ขณะที่ ใช้เงินลงทุนซื้อหนี้เข้ามาบริหารไปแล้ว 192 ล้านบาท มีพอร์ตหนี้รวมกว่า 322,237 ล้านบาท ในด้านยอดจัดเก็บกระแสเงินสด (Cash Collection) รวมส่วนของบริษัทและของบริษัทร่วมทุน JK AMC 2,106 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 8% และความสำเร็จจาก JK AMC ส่งกำไรกลับมาให้ JMT 164 ล้านบาท ย้ำกลุ่มบริษัทผู้นำ AMC ในการบริหารหนี้ด้อยคุณภาพประเภทสินทรัพย์ไม่มีหลักประกัน
นอกจากนี้ JMART ยังได้แรงสนับสนุนจาก สุกี้ ตี๋น้อย (TEENOI) ภายใต้ บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด (JMART ถือหุ้นสัดส่วน 30%) ในไตรมาส 1/2567 สามารถทำกำไรสุทธิได้ 284 ล้านบาท และ ณ 15 พฤษภาคม นี้ มีสาขารวม 64 สาขา พร้อมเดินหน้าตอบรับดีมานด์ผู้บริโภคในหัวเมืองสำคัญที่มีอีกมาก ปัจจุบันมีสาขาครอบคลุมกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองต่างจังหวัด ได้แก่ อยุธยา นครปฐม สุพรรณบุรี พัทยา ชลบุรี ระยอง สระบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี และเชียงใหม่
ในส่วนของ เจมาร์ท โมบาย (JMB) ซึ่งเป็นธุรกิจแกนของบริษัท มีกระแสตอบรับยอดขายที่ดีจากการเปิดตัว Samsung Galaxy S24 Series รวมทั้ง ได้รับอานิสงส์จากมาตรการ “EASY E-RECEIPT” ในช่วงไตรมาส 1/2567 พร้อมเติบโตไปกับการเปิดตัวสินค้าใหม่รุ่นเรือธง ผ่านช่องทางร้านเจมาร์ทกว่า 300 สาขา พร้อมด้วยบริการสินเชื่อ Samsung Finance+ ผลักดันภาพรวมยอดขายเติบโตขึ้น
ทั้งนี้ JMART ย้ำความมั่นใจ เราจะเติบโตได้ด้วยเทคโนโลยี หรือแพลตฟอร์มอันทรงพลัง ที่สามารถหาลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ให้รีเทิร์นผลตอบแทนที่สูง และ NPL ในระดับต่ำ ล่าสุด สินเชื่อ Samsung Finance+ สามารถใช้แพลตฟอร์มเข้าถึงลูกค้าผ่านดีลเลอร์ร้านค้ามากกว่า 3,400 แห่ง ในไตรมาส 1/2567 ปล่อยสินเชื่อไปแล้วกว่า 77,000 ล้านบาท และมองสิ่งเหล่านี้เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ใช้เทคโนโลยีสนับสนุน ขับเคลื่อนการเติบโต จึงเปิดตัว
SG Finance+ โดยการบริหารของ SGC ที่ได้เริ่มทำ Sandbox กับ เจมาร์ท โมบาย มาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 และดำเนินการเปิดตัว Digital Application และเริ่มเห็นจำนวนปล่อยสินเชื่อเดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยวางเป้าหมายจะขยายพอร์ตสินเชื่อได้เพิ่มขึ้นทุกเดือน หรือมีลูกค้าจำนวนประมาณ 100,000 สัญญาในสิ้นปี เพื่อให้ลูกค้าเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนได้ง่ายด้วยความเสี่ยงต่ำ เชื่อว่าจะสร้างการเติบโตได้อย่างน่าสนใจ และจะได้เห็นอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นกับ SINGER และ SGC ในช่วงต่อจากนี้
สำหรับ ธุรกิจศูนย์การค้าชุมชนภายใต้การบริหารของ บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J มั่นใจกำลังลุยสร้างคอมมูนิตี้มอลล์ที่สามารถตอบโจทย์ชุมชนได้ต่อเนื่อง และเป็นแหล่งรับรู้รายได้ที่ยั่งยืน คาดสิ้นปีนี้จะมีสาขาทั้งหมดไม่น้อยกว่า 8 สาขา จากสิ้นปี 2566 มี 6 สาขา โดยเตรียมปั้นคอมมูนิตี้แห่งใหม่เพิ่มในปีนี้จำนวน 2 สาขา ได้แก่ ด้าน Jas Green Village ประเวศ เปิด 28 มิถุนายน 2567 นี้ และ Jas Green Village รามคำแหง เตรียมเปิดไตรมาส 3/2567 นี้ นับเป็นการขยายศูนย์การค้ามากที่สุดนับตั้งแต่ดำเนินธุรกิจมา จากปกติแล้วจะขยายโครงการใหม่แค่ปีละ 1 โครงการ ขณะที่ อัตราพื้นที่เช่าทำได้ดี พร้อมกับโอกาสในการจับมือร้านสุกี้ ตี๋น้อย เปิดให้บริการในทำเลศักยภาพ และธุรกิจ Senior Wellness ที่กำลังสร้างรายได้เข้ามาเพิ่มขึ้น