ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง บมจ.มาร์เก็ต คอนเน็กชั่นส์ เอเชีย (“MCA”) ผู้นำธุรกิจด้านแผนกลยุทธ์ และจัดกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดแบบครบวงจร เสนอขายหุ้นไอพีโอ 60 ล้านหุ้น เล็งขยายช่องทางการตลาดสู่การดำเนินธุรกิจใหม่ “Distributor”ตอบโจทย์การรองรับกลุ่มลูกค้าได้ครบวงจรมากขึ้น โชว์ผลงาน 6 เดือนปี 2566 มีรายได้จากการบริการ 210.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.72% กำไรสุทธิอยู่ที่ 12.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.57%
นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท มาร์เก็ต คอนเน็กชั่นส์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) (“MCA”) เปิดเผยว่า สำนักงานก.ล.ต. ได้อนุมัตินับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบ Filing) ของบริษัทฯ ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2566 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย MCA เสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ในหมวดธุรกิจให้บริการ (SERVICE) ภายในปี 2566
“MCA” เป็นหนึ่งในผู้นำในการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด และเป็นผู้ให้บริการจัดกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดที่ครบวงจร ให้กับกลุ่มลูกค้าได้ครบทุกมิติ ตั้งแต่การเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ การสร้างความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้อุปโภคบริโภค ตลอดจนการผลักดันยอดขาย ภายใต้การให้บริการ 1.บริการจัดกิจกรรมทางการตลาดและดิจิทัล 2.บริการบรรจุและจัดส่งสินค้าส่งเสริมการขาย เช่น สินค้าตัวอย่าง สินค้าทดลอง และสื่อประชาสัมพันธ์ 3.บริการพนักงานแนะนำสินค้า
และ 4. บริการจัดเรียงสินค้า
นายภักดี เหล่างาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มาร์เก็ต คอนเน็กชั่นส์ เอเชีย (“MCA”) เปิดเผยว่า ส่วนวัตถุประสงค์ในการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งรวมถึงการขยายธุรกิจสู่การดำเนินธุรกิจใหม่ ในการเข้าไปเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้า (Distributor) และรองรับการลงทุนในสินทรัพย์ สำหรับการดำเนินธุรกิจที่หลากหลายรูปแบบให้ครบทุกมิติมากขึ้น รวมทั้งเพื่อใช้ในการชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพความมั่นคงทางการเงินให้กับบริษัทฯ ในอนาคต
สำหรับโครงการต่อเนื่องในอนาคต โดยเฉพาะการดำเนินธุรกิจในเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้า นั้น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MCA กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ เล็งเห็นถึงโอกาสในการขยายเข้าไปสู่การดำเนินธุรกิจใหม่ ใน Distributor เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ประกอบการในธุรกิจจำนวนน้อยราย จึงมองว่าจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคตได้ โดยที่บริษัทฯ จะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างเจ้าของสินค้าและผู้อุปโภคบริโภค โดยจะได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับเจ้าของสินค้า ในการวางกลยุทธ์ทางการตลาดตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงการที่สินค้าได้ไปอยู่ในมือผู้บริโภค ซึ่งการให้บริการดังกล่าวรวมไปถึงวางแผนสร้างการรับรู้ของแบรนด์ การใช้ความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจบริการกิจกรรมทางการตลาด รวมถึงความสามารถในการเข้าถึงช่องทางขายต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคในช่องทางที่มากขึ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้น สำหรับธุรกิจผู้จัดหน่ายสินค้า อยู่ที่ 5 – 15% จากแผนการให้บริการเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้า ใน 2 รูปแบบ ได้แก่ 1. รูปแบบ Agent มุ่งเน้นเกี่ยวกับกลยุทธ์และกระบวนการขายเป็นหลัก 2. รูปแบบ Principal เป็นการให้บริการแบบ Full Service โดยบริษัทฯ จะเป็นผู้บริหารจัดการคำสั่งซื้อจากร้านค้าจากช่องทางการจัดจำหน่ายต่าง ๆ
เนื่องด้วยแผนกลยุทธ์ที่มุ่งสู่ธุรกิจ Distributor ส่งผลให้ในไตรมาส 3/2566 บริษัทฯ ได้รับโอกาสจากลูกค้ากลุ่มธุรกิจของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ ซึ่งเป็นลูกค้าปัจจุบันของบริษัทฯ ให้เริ่มดำเนินธุรกิจการเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้า รูปแบบ Principal ในโครงการนำร่อง จำนวน 1 โครงการ สำหรับสินค้า 7 แบรนด์ โดยมีขอบเขตการรับผิดชอบในการจัดจำหน่ายผ่านร้านค้าประเภทร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม 13 จังหวัดที่กระจายทุกพื้นที่ในประเทศไทย ทั้งนี้ บริษัทฯ เชื่อว่าโครงการนำร่องดังกล่าว จะช่วยผลักดันความสามารถในการดำเนินงานบริการเป็นผู้จัดจำหน่ายของบริษัทฯ ให้เพิ่มขึ้นในอนาคตจากการให้บริการได้ทั้งในรูปแบบ Agent และ Principal และพร้อมที่จะขยายขอบเขตการให้บริการไปยังช่องทางการจัดหน่ายรูปแบบอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น ร้านค้าปลีกแบบสมัยใหม่ และร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น
ทั้งนี้ จากความทุ่มเทในการให้บริการการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด และเป็นผู้ให้บริการจัดกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดได้อย่างครบวงจร สะท้อนให้เห็นถึงอัตราการเติบโตของรายได้ของธุรกิจในงวด 6 แรกของปี 2566 มีรายได้จากการบริการรวม 210.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.91 ล้านบาท หรือ 16.72% (YoY) จากการเติบโตของทั้ง 4 กลุ่มบริการ และตัวเลขกำไรสุทธิอยู่ที่ 12.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.57% (YoY) เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการบริการจัดกิจกรรมทางการตลาดและดิจิทัล จากการจัดกิจกรรมทางการตลาดช่วงเทศกาลสำคัญช่วงต้นปีซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
“ขณะที่ปี 2562-2565 มีรายได้จากการบริการรวม 331.67 ล้านบาท 235.62 ล้านบาท 224.07 ล้านบาท 372.65 ล้านบาท ตามลำดับ โดยสาเหตุปี 2563-2564 ปรับตัวลดลง จากปัจจัยกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาด COVID-19 แต่ในปี 2565 รายได้จากการให้บริการของบริษัทฯ เติบโต
อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัทฯ จากการขยายธุรกิจบริการจัดเรียงสินค้า รูปแบบบริการแบบใช้ร่วมกัน และการฟื้นตัวของธุรกิจบริการจัดกิจกรรมทางการตลาดและดิจิทัล ในขณะเดียวกัน ไม่มีผลขาดทุนในช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยกำไรสุทธิเท่ากับ 53.56 ล้านบาท 0.73 ล้านบาท 2.74 ล้านบาท และ 16.51 ล้านบาท ตามลำดับ”
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรรของบริษัทฯให้ผู้ถือหุ้นเดิม ก่อนการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เป็นจำนวน 15.05 ล้านบาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลภายในวันที่ 24 กันยายน 2566