แนวโน้มตลาดวันนี้ (13 มี.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET มี upside จำกัด บริเวณแนวต้าน 1390 และ 1400 จุด ตามลำดับ เนื่องจากตลาดยังขาดปัจจัยหนุน และระวังการอ่อนตัว หลังเงินเฟ้อสหรัฐประจำเดือน ก.พ. ออกมาสูงกว่าคาด สร้างความกังวลต่อความไม่แน่นอนเรื่องการลดดอกเบี้ยที่ตลาดคาดจะเกิดขึ้นในเดือน มิ.ย. ด้านแนวรับอยู่ที่ 1370 และ 1360 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
• สหรัฐรายงานดัชนี CPI ทั่วไปเดือน ก.พ. ปรับขึ้น 0.4%MoM และ 3.2%YoY ส่วนดัชนีCPI พื้นฐานเดือน ก.พ. ปรับขึ้น 0.4%MoM และ 3.8%YoY สูงกว่าตลาดคาดเล็กน้อยทำให้ นลท. ไม่ได้วิตกกังวลมากเกินไปว่า Fed อาจจะยังไม่ปรับลด ดบ. ในเดือน มิ.ย.
• ราคาน้ำมันเบนซินในรัสเซียปรับขึ้น 1.2% หลังโดรนและขีปนาวุธของยูเครนโจมตีแหล่งผลิตพลังงานซึ่งรวมถึงเกิดไฟไหม้โรงกลั่นของบริษัท Lukoil ที่นอร์ซี
• EIA คาดการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในปี 2567 จะเพิ่มขึ้น 2.6 แสนบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 13.19 ล้านบาร์เรล/วัน จากก่อนหน้านี้ที่คาดการณ์ว่าการผลิตน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น1.7 แสนบาร์เรล/วัน
• Xiaomi จะเริ่มส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าคันแรก SU7 ของบริษัทภายในสิ้นเดือนนี้ ถือเป็นการก้าวเข้าสู่อุตฯ ยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมีการแข่งขันสูง
• ครม. มีมติเห็นชอบให้หักภาษี ณ ที่จ่ายกำไร Investment Token 15% ไม่ต้องคำนวณภาษีเงินได้ซ้ำ มีผลตั้งแต่ 1 ม.ค. 67 ขณะที่ ก.ล.ต. คาดปี 2567 จะมีการระดมทุนด้วยInvestment Token ราว 1.85 หมื่นลบ.
• ก. ท่องเที่ยวฯ ระบุจำนวน นทท. วันที่ 4-10 มี.ค. อยู่ที่ 698,675 คน ลดลง 7% WoW ตามปัจจัยฤดูกาลแต่แนวโน้มขาขึ้นยังอยู่ โดย 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน มาเลเซีย รัสเซียอินเดียและเกาหลีใต้
• ธปท. แนะนำ ธพ. ทำ Transition Product ผลิตภัณฑ์การเงินหนุนลูกค้าสู่ธุรกิจสีเขียวภายในไตรมาส 2-3 นี้ พร้อมวางแผนระยะยาวภายในปี 2568 ต้องทำ Transition Plan นำร่อง 1 อุตสาหกรรมเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจสีเขียว
กลยุทธ์การลงทุน. ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยยังผันผวนในกรอบ โดยยังมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1400 จุด หลังในประเทศยังไร้ปัจจัยใหม่ชี้นำ ขณะที่มองว่าตัวเลขเศรษฐกิจของต่างประเทศที่จะประกาศสัปดาห์นี้ อาทิ GDP 4Q66 ของญี่ปุ่นและยอดค้าปลีกของสหรัฐ จะยังอ่อนแอ ขณะที่ดัชนี CPI (เงินเฟ้อ) ก.พ. ของสหรัฐ ออกมาสูงกว่าตลาดคาดการณ์ สร้างแรงกดดันต่อความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
Top Picks
SCGP มีหลายปัจจัยหนุนราคาหุ้นปรับขึ้น ได้แก่ 1Q67 คาดผลประกอบการฟื้นตัวจากการดำเนินงานในอินโดนีเซียดูดีขึ้น, มีโอกาสทำ M&P เพื่อให้ EBITDA margin มีเสถียรภาพมากขึ้น และคาด downside มีจำกัด หลังราคาหุ้นลดลงมาอยู่ที่ระดับ -2SD ของ PER mean และพบปริมาณขายชอร์ตลดลงอย่างมาก
XPG เป็นหนึ่งในตัวแทนที่ได้ประโยชน์จาก Crypto ที่ปรับขึ้น และทุกธุรกิจยังเติบโตได้ โดยรายได้ดอกเบี้ยคาดเติบโตจากธุรกิจปล่อยสินเชื่อ, รายได้จากค่าธรรมเนียมคาดโตเด่นจากธุรกิจ Digital Asset ทั้งเทรด Crypto และทำ ICO ขณะที่ AMC มีโอกาสได้มูลหนี้เพิ่ม คาดปี 2567 รายได้และกำไรสุทธิทำนิวไฮ