แนวโน้มตลาดวันนี้ (5พ.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET แกว่งในกรอบ เนื่องจากนักลงทุนในตลาดรอติดตามประเด็นสำคัญ สำหรับการเลือกตั้ง ปธน. สหรัฐฯ ในวันนี้ ซึ่งคะแนนความนิยมของผู้สมัครยังมีความสูสี ทำให้กรอบบนจำกัดที่แนวต้าน 1470-1475 จุด อย่างไรก็ตามกรอบล่างมีแนวรับ 1455-1460 จุด คาดยังรองรับได้ ด้วยแรงซื้อประคองจากเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์และกองทุนประหยัดภาษี
ประเด็นสำคัญ
• คณะกรรมการสรรหาประธานบอร์ด ธปท. ประกาศเลื่อนการประชุมออกไปเป็นสัปดาห์หน้าในวันที่ 11 พ.ย. แทน เนื่องจากต้องใช้เวลาในการพิจารณาข้อมูลให้รอบด้าน ป้องกันข้อครหาถูกการเมืองแทรกแซง
• FETCO เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ในเกณฑ์ร้อนแรงอย่างมากต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ที่ระดับ 160.66 ปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
• วันนี้จับตาการเลือกตั้งสหรัฐฯ ซึ่งผลสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับผู้ชนะการเลือกตั้งออกมาสูสีกันระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์จากพรรครีพับลิกัน และคามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต
• กรมธุรกิจพลังงานเผยการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 9M67 อยู่ที่ 155.37 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 1.2%YoY หนุนจากการใช้ดีเซลและน้ำมันอากาศยานเพิ่มขึ้น 2.9%YoY และ 17.3%YoY ตามเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ขณะที่การใช้เบนซินหดตัว 0.6%YoY
• รมว. คลังเผย GDP ปีนี้คาดจะขยายตัว 2.7% ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีแล้ว ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดและงบประมาณปี 2567 ที่ออกมาล่าช้า ซึ่งรัฐบาลอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจะเน้นไปที่มาตรการกระตุ้นระยะสั้น
• ยอดการส่งมอบ EV หลายแบรนด์ของจีนในเดือน ต.ค. ทำสถิติสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ อย่าง BYD ที่เติบโตแกร่งถึง 5.6% ที่ราว 5 แสนคัน เช่นเดียวกับ Xpeng และ Geely อานิสงส์จกานโยบายอุดหนุนอุตสาหกรรมจากรัฐบาลจีน
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้น SET มีโอกาสฟื้นตัวจากระดับ 1450 จุด เนื่องจากมองตัวเลขเงินเฟ้อจีนจะออกมาต่ำกว่าคาดทำให้จีนอาจจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ และคาดเฟดมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 25bps ซึ่งจะส่งผลดีต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้น รวมไปถึงการเลือกตั้ง ปธน. สหรัฐ คาดจะทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐมีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้อาจจะมีความผันผวนที่สูงหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง ปธน. ส่วนปัจจัยในประเทศน่าจะถูกขับเคลื่อนด้วยผลประกอบการ 3Q67 ของ บจ. ไทยเป็นสำคัญ แต่อย่างไรก็ดี ความผันผวนของค่าเงินและ Fund Flow ที่ยังไหลออกจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ยังเป็นแรงกดดันต่อ Upside ของ SET ที่ 1500 จุด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
Daily top picks
AWC: 3Q67 คาดผลการดำเนินงานจะออกมาเด่นสุดในกลุ่ม โดยกำไรปกติจะเติบโต 92%YoY และ 19%QoQ ขณะที่กำไรปกติของผู้ประกอบการรายอื่นๆ จะลดลง QoQ ส่วนปี 2567 คาดมีกำไรปกติเติบโต 57%YoY และเติบโตต่อ 23% YoY ในปี 2568 แรงหนุนจากการดำเนินงานโรงแรมที่ดีขึ้น ซึ่งโมเมนตัมกำไรที่แข็งแกร่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้น
BCP: ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้น BCP ปรับลง 9.8% Underperform SET ที่เพิ่มขึ้น 1.3% ซึ่งมองสะท้อนความกังวล 3Q67 จะรายงานผลการดำเนินงานขาดทุนไปแล้ว ขณะที่ปัจจุบันค่าการกลั่นมีสัญญาณของการฟื้นตัวเช่นเดียวกับทิศทางของราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวหลังโอเปกพลัสเลื่อนการปรับเพิ่มกำลังการผลิตออกไปอีก 1 เดือน อีกทั้งยังมีจุดเด่นที่เป็นหุ้นปันผลสูง