แนวโน้มตลาดวันนี้ (26 ก.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดดัชนียังมี upside จำกัด เนื่องจากแรงส่งของหุ้นขนาดใหญ่ต่างๆ ลดน้อยลง หลังขึ้นต่อเนื่องและเข้าภาวะ overbought ขณะที่เม็ดเงินผันมาเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ซึ่งน้ำหนักต่อตลาดน้อย นอกจากนี้ ตลาดดูขาดปัจจัยหนุนใหม่ด้านกรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1470-1475 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1450 และ 1440 จุด ตามลำดับ หากต่ำกว่า เริ่มเป็นสัญญาณลบ
ประเด็นสำคัญ
• สนค. เผยยอดส่งออก ส.ค.67 มีมูลค่า 26,182 ล้านดอลลาร์ +7.0% การนำเข้า 25,917 ล้านดอลลาร์ +8.9% เกินดุลการค้า 264.9 ล้านดอลลาร์จากการขยายตัวของการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร และผู้บริโภคในประเทศคู่ค้าหลักจับจ่ายเพิ่มขึ้น
• กบง. มีมติคงราคาก๊าซ LPG เพื่อให้ราคาขายปลีกอยู่ที่ราว 423 บาท ต่อถังขนาด 15 กก. ต่อไป มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. - 31 ธ.ค.2567 เพื่อไม่ให้กระทบกับค่าครองชีพและบริหารจัดการกองทุนน้ำมันฯ
• ธปท. รับบาทผันผวนแข็งค่าขึ้นกว่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาค แข็งค่ากว่า 3.8%YTD พร้อมเข้าดูแลหากผันผวนผิดปกติ เพื่อลดผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ วานนี้แข็งค่าสุดรอบ 30 เดือนที่ 32.563 บาท/ดอลลาร์ฯ
• รัฐบาลลิเบียตะวันออกและตะวันตกลงนามข้อตกลงที่จะนำไปสู่การแต่งตั้งผู้ว่าการธนาคารกลางลิเบีย ถือเป็นก้าวแรกของการยุติข้อพิพาทที่ว่าใครควรมีอำนาจควบคุมธนาคารกลางและรายได้จากน้ำมัน
• EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ลดลง 4.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาด ส่วนสต็อกเบนซินลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล
• ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2567 มาอยู่ที่ 2.3% จากเดิม 2.6% และมีการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปี 2568 ลงจาก 3.0% มาอยู่ที่ 2.7% โดยคาดภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนยังคงเป็นแรงสนับสนุนหลักต่อการขยายตัว
• สรท. คาดเงินบาทแข็งค่าจะส่งผลกระทบกับคำสั่งซื้อในช่วงปลายปีและต่อไปถึง 1Q68 โดยการแข็งค่าของบาทเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังสูงต่อการส่งออกในระยะถัดจากนี้ โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าเกษตร
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway Up และเริ่มมี Upside จำกัด แรงหนุนจะมาจากแนวโน้มดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลง บวกกับ ความคาดหวังการออกนโยบายผลักดันแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมทั้งการแข็งค่าของเงินบาทระยะสั้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นไทยเมื่อเทียบกับภูมิภาค สะท้อนได้จาก Fund Flow ในเดือนก.ย. ที่ต่างชาติพลิกซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยแล้วกว่า 3 หมื่นลบ. อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจของฝั่งเอเชีย โดยเฉพาะจีน ยังมีแนวโน้มอ่อนแอ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
Top Picks
CPALL: กำไร 2H67 คาดจะเติบโต YoY ดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ โดย 3Q67 คาดกำไรจะเติบโต YoY และ QoQ แรงหนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้นจากธุรกิจ CVS และ CPAXT ส่วน 4Q67 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2567 จากเข้าสู่ High Season อีกทั้ง Valuation น่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PER 67F ระดับ 25 เท่า (-2SD)
DELTA: 2H67 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น HoH และ YoY จากยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่ยังคงเติบโตดี อีกทั้งมี Upside จากการพัฒนาและการขายผลิตภัณฑ์ Power Supply ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่พัฒนาโดย DELTA Thailand เอง ซึ่งจะทำให้บริษัทไม่ต้องจ่าย Technical Fee ให้กับทาง DELTA Taiwan ทั้งนี้แนะนำราคาเข้าซื้อวันนี้ไม่เกิน 111 บาท/หุ้น