แนวโน้มตลาดวันนี้ (23 ก.ค.) บล. อิน อินโนเวสท์ เอกซ์) คาด SET แม้ได้ sentiment บวก จากตลาดหุ้นสหรัฐ หลังหุ้นเทคฯ รีบาวด์ อย่างไรก็ตาม คาดดัชนีได้รับปัจจัยกดดันจากกลุ่มพลังงาน ตามราคาน้ำมันปรับตัวลง และเงินบาทที่เริ่มอ่อนค่า เป็นลบต่อทิศทาง fund flow ทำให้คาดกรอบบนยังถูกจำกัด โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1325 และ 1330 จุด ตามลำดับ ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1310 และ 1300 จุด
ประเด็นสำคัญ
• โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เขาสามารถเอาชนะคามาลา แฮร์ริส ในการเลือกตั้ง พ.ย. นี้ได้ง่ายกว่าปธน. ไบเดน เสียอีก หลังจากไบเดนประกาศถอนตัวจากการลงสมัครชิงตำแหน่ง ปธน. สหรัฐ และสนับสนุนรอง ปธน. แฮร์ริสให้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงชิงตำแหน่งกับทรัมป์
• เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐระบุเตรียมกำหนดมาตรการคว่ำบาตรกับองค์กรของจีนที่หนุนการทำสงครามของรัสเซียในยูเครน และบ่งชี้ ธ. ต่าง ๆ อาจเป็นเป้าหมายการคว่ำบาตร
• วานนี้ PBoC ประกาศลด ดบ. เงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีลงสู่ 3.35% จาก 3.45% และลดดบ. LPR ประเภท 5 ปีลงสู่ 3.85% จาก 3.95% สวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะคง ดบ. ไว้ที่ระดับเดิม
• ยอดส่งออกเกาหลีใต้ ก.ค. ปรับขึ้นต่อเนื่อง 18.8%YoY โดยเป็นสินค้าประเภทเซมิคอนดักเตอร์ ที่ปรับขึ้น 58% YoY
• รัสเซียประกาศคำสั่งเมิ่อ 19 ก.ค. ปรับเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค ไวน์ เบียร์ ลูกอม บิสกิต และแชมพู ที่ผลิตใน ปท. ที่หนุนการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย มีผลบังคับใช้หลังประกาศ 7 วันจนถึง 31 ธ.ค. 67
• พาณิชย์ ระบุหลังนายกฯ ประกาศรายละเอียดโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 24 ก.ค.แล้ว จะพร้อมให้ร้านค้าเริ่มลงทะเบียนได้ตั้งแต่ 1 ส.ค.
• พลังงาน ระบุค่าไฟงวดใหม่ ก.ย.-ธ.ค. 67 จะตรึงไว้ที่ 4.18 บ./หน่วยตามเดิม โดย PTT ไม่รับเงินตอบแทนจากค่าไฟฟ้างวดนี้เพื่อช่วย ปชช.
• คลัง ระบุโครงการ Ignite Finance เป็นหนึ่งในมาตรการระยะกลาง-ยาวผลักดันให้ไทยเป็น ศก. การเงินโลกผ่านกุญแจ 3 ดอก คือ กฎหมายธุรกิจการเงินชุดใหม่ สิทธิพิเศษใหม่ และระบบนิเวศทางธุรกิจที่เหมาะสม
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมอง SET ยังคงมี Upside จำกัด เนื่องจากยังรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศและรายละเอียดของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต อีกทั้งติดตามงบ 2Q67 ของบจ. ไทยกลุ่ม Real Sector ซึ่งคาดจะฟื้นตัวดีขึ้น ส่วนปัจจัยต่างประเทศคาดได้แรงหนุนจากสัญญาณการปรับลดดอกเบี้ย โดยคาดดัชนี PCE และ PMI ของสหรัฐจะมีแนวโน้มชะลอตัวลง อีกทั้งงบ 2Q67 ของ บจ. ในสหรัฐน่าจะยังแข็งแกร่ง อย่างไรก็ดีความคาดหวังต่อ Fund Flow ที่จะไหลกลับสู่ตลาด EM อาจจะยังจำกัดจากเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอและค่าเงินดอลลาร์ที่ยังไม่อ่อนค่าอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนั้นสงครามเทคโนโลยีที่มีท่าทีรุนแรงขึ้นจะยังเป็นความเสี่ยงของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มองตลาดหุ้นไทยยังมี Upside จำกัด หลังรอความชัดเจนของปัจจัยต่างๆ ในประเทศและติดตามงบ 2Q67 ของบจ. ไทย ส่วนสงครามเทคโนโลยีที่มีท่าทีรุนแรงขึ้นจะเป็นความเสี่ยงของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1) หุ้นกลุ่ม Earing Play ซึ่งคาด 2Q67 กำไรจะยังสามารถเติบโตทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง เลือก MINT BEM OSP TU KCE CPF TRUE
2) หุ้นที่คาดจะได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick ตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA เลือก HANA TOP BEM MINT OSP BBL AOT
3) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากแผนปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี เลือก ADVANC AOT CPALL BDMS BBL KTB GULF
4) ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัว แม้ความไม่สงบในตะวันออกกลางยังไม่กระจายออกในวงกว้าง แต่ยังมีการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง และโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันในรัสเซียกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยประเมินกรอบราคา 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
Top Picks
KCE ได้ sentiment หนุนจากยอดส่งออกเกาหลีใต้โตใน ก.ค. ราคาทองแดงปรับลง คาดกำไร 2Q67 +11.4%QoQ จากรับรู้รายได้สินค้าค้างส่งที่มาร์จิ้นสูง การลดต้นทุนเชิงรุก และได้ประโยชน์จากการเพิ่มภาษี EV จีนของสหรัฐ-ยุโรป อีกทั้งซื้อขายบน PE 67F เพียง23 เท่า แนะนำเข้าซื้อวันนี้ราคาไม่เกิน 45.50 บ.
BDMS 2Q67 คาดกำไรปกติที่ 3.4 พันลบ. โต 11%YoY จากรายได้และ EBITDA Margin ขยายตัว แต่ลดลง 17%QoQ จากปัจจัยฤดูกาล คาดกำไรปกติปี 2567 โต 13%YoY สู่ 1.6 หมื่นลบ. โดยการดำเนินงานและกำไรจะแข็งแกร่งใน 2H67 ปัจจุบันซื้อขายบน PER 67F ที่ 26 เท่า ต่ำกว่า -2SD ของค่าเฉลี่ยในอดีต