Market

`แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป(PHG)` `FIRST MOVE`ผู้นำด้านการแพทย์ในจ.ปทุมธานี ที่พร้อมเติบโตไปอย่างมั่นคง และยั่งยืน
25 มิ.ย. 2566

 “โรงพยาบาลแพทย์รังสิต” หนึ่งในโรงพยาบาลเอกชนย่านจังหวัดปทุมธานี ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2529 และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายใต้บริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PHG มีโรงพยาบาลในเครือ 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลแพทย์รังสิต โรงพยาบาลแพทย์รังสิต 2 และโรงพยาบาลเฉพาะทางแม่และเด็กแพทย์รังสิต ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง  กับอีกก้าวย่างสำคัญในการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต โดยเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป หรือ IPO จำนวน 54 ล้านหุ้น


คลับหุ้นมีโอกาสสัมภาษณ์ คุณรณชิต แย้มสอาด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) สอบถามถึงความเป็นมา เป็นไป และแผนในอนาคต มาดูกันว่า มีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจเกี่ยวกับ หุ้น PHG บ้าง ไปติดตามกันครับ


คุณรณชิต เล่าว่า ครอบครัวเริ่มต้นธุรกิจโรงเรียนอนุบาล และธุรกิจโรงภาพยนต์ย่านชานเมือง แต่ธุรกิจโรงภาพยนต์ถูกดริสทรัป หลังจากธุรกิจให้เช่าวีดีโอริ่มขยายตัวมากขึ้น คุณพ่อ และคุณแม่ (คุณธำรง แย้มสอาด และคุณประไพ แย้มสอาด) จึงมีแนวคิดจะทำธุรกิจร้านขายยาแทน แต่ด้วยพี่ชาย และพี่เขย เป็นแพทย์ จึงเปลี่ยนแผนจากร้านขายยา เป็นธุรกิจโรงพยาบาล เพราะมองว่าเป็นธุรกิจที่เป็นปัจจัยพื้นฐานของมนุษย์ และเป็นธุรกิจที่ครอบครัวรู้จัก น่าจะเติบโตได้อย่างมั่นคง จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจโรงพยาบาล 


PHG ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 3 ตุลาคม 2527 ในนาม "บริษัท ปทุมรักษ์ จำกัด"  โดยกลุ่มผู้ถือหุ้นร่วมก่อตั้งได้แก่ 1) กลุ่มครอบครัวแย้มสอาด 2) กลุ่มครอบครัวตระกูลช่าง  3) กลุ่มครอบครัวฮันตระกูล และ 4) กลุ่มแพทย์ท่านอื่นๆ ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 9 ล้านบาท เพื่อประกอบกิจการสถานพยาบาลภายใต้ชื่อ "โรงพยาบาลแพทย์รังสิต" เปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2529 ด้วยครอบครัวทำโรงหนังแถบชานเมือง คุ้นเคยโลเคชั่นแถบชานเมือง จึงเลือกพื้นที่รังสิต ปทุมธานี ในการทำโรงพยาบาล ซึ่งถือได้ว่าเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกในจังหวัดปทุมธานี มีจำนวนเตียงจดทะเบียนทั้งหมด 30 เตียง 


ในปี 2538  PHG เข้าร่วมเป็นสถานพยาบาลตามสิทธิประกันสังคม กับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เพื่อให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตนในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ด้วยผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมเบื้องต้นประมาณ 50,000 คน ปัจจุบันมีผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม 165,000 คน


ด้วยธุรกิจที่มีการเติบโตที่ดี จึงได้เริ่มขยายโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น โดยในปี 2554 เปิดให้บริการ "โรงพยาบาลแม่และเด็กแพทย์รังสิต" จำนวน 56 เตียง 

 

ในปี 2557 ได้พัฒนาและปรับปรุงองค์กร ให้เป็นไปตามมาตรฐานการรักษาระดับสากล และได้รับการรับรองมาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ (Hospital Accreditation: HA) โดยสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล ซึ่งเป็นการรับรองมาตรฐานประสิทธิภาพในด้านการให้บริการทางการแพทย์เพื่อแสดงถึงคุณภาพและศักยภาพการให้บริการทางการแพทย์


และในปี 2562 เปิดให้บริการ "โรงพยาบาลแพทย์รังสิต 2"  

 

ปัจจุบัน PHG มีโรงพยาบาลในเครือ 3 โรงพยาบาล ประกอบด้วย โรงพยาบาลแพทย์รังสิต (PRH) โรงพยาบาลแพทย์รังสิต2 (PRH2) และ"โรงพยาบาลเฉพาะทางแม่และเด็กแพทย์รังสิต" ซึ่งโรงพยาบาลที่จดทะเบียนภายใต้บริษัท ปทุมรักษ์เวชการ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย  มีจำนวนเตียงจดทะเบียนรวมทั้งหมด 270 เตียง ประกอบด้วยจำนวนเตียงจดทะเบียนของ โรงพยาบาลแพทย์รังสิต จำนวน 155 เตียง โรงพยาบาลแพทย์รังสิต 2 จำนวน 59 เตียง และโรงพยาบาลเฉพาะทางแม่และเด็กแพทย์รังสิต 56 เตียง จึงถือว่าเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มี Capacity ในการให้บริการมากที่สุด 


โรงพยาบาลทั้ง 3 แห่ง ตั้งอยู่บริเวณเดียวกันที่ หมู่ที่ 8 ถนนพหลโยธิน ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ที่สามารถรองรับผู้รับบริการทางการแพทย์จากคนในจังหวัดปทุมธานี กรุงเทพตอนเหนือ และจังหวัดใกล้เคียง โดยให้บริการทั้งกลุ่มลูกค้าทั่วไป กลุ่มลูกค้าภายใต้โครงการสวัสดิการภาครัฐ 


ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ให้บริการดูแลรักษาและให้คำปรึกษาอย่างครบวงจรในหลากหลายสาขา ครอบคลุมทั้งหมด 18 สาขาทางการแพทย์ โดยเฉพาะศูนย์หัวใจ 24 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นศูนย์หัวใจที่มีความพร้อมและประสิทธิภาพสูง มีศักยภาพในการผ่าตัดหัวใจแบบเปิด (Open Heart Surgery) และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการที่รับการส่งต่อเฉพาะด้านการทำหัตถการรักษาหลอดเลือดโคโรนารีผ่านสายสวน ระดับ 1 ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งถือเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งเดียวใน สปสช. เขต 4 ประกอบด้วย นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ลพบุรี สิงห์บุรี สระบุรี และนครนายก


และด้วยการให้บริการการรักษาทางการแพทย์ทั้งทั่วไปและเฉพาะทาง ที่ครอบคลุมครบวงจร พร้อมเทคโนโลยี และเครื่องมือที่ทันสมัย และตั้งอยู่ภายในบริเวณที่ตั้งเดียวกัน ในทำเลย่านธุรกิจและที่พักอาศัยของจังหวัดปทุมธานี และมีระบบบริหารจัดการแบบ One Stop Sevice จึงถือเป็น ศูนย์บริการทางการแพทย์ หรือ "medical complex" ทำให้กลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิต ก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านการแพทย์ ที่สามารถตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ 


ลูกค้าหลักของกลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิต ประกอบด้วย 

1.กลุ่มลูกค้าทั่วไป ได้แก่ กลุ่มลููกค้าทั่วไป กลุ่มลููกค้าคู่สัญญา และกลุ่มลูกค้าทั่วไปอื่นๆ 

2.กลุ่มลูกค้าตามโครงการสวัสดิการภาครัฐ ได้แก่ กลุ่มลูกค้าตามโครงการประกันสังคม กลุ่มลูกค้าตามโครงการของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และกลุ่มลูกค้าโครงการสวัสดิการข้าราชการภายใต้กรมบัญชีกลาง หน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ

ซึ่งสัดส่วนรายได้ของลูกค้าทั้ง 2 กลุ่ม ใกล้เคียงกัน กลุ่มลูกค้าทั่วไปประมาณ 53% และ 47% เป็นกลุ่มลูกค้าตามโครงการสวัสดิการภาครัฐ 


ขณะเดียวกัน กลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิตพยายามเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ ๆ ให้มากขึ้น เช่น กลุ่มลูกค้าต่างชาติ ทั้งกลุ่มลูกค้าอาหรับ และกลุ่มอาเซียนเขตลุ่มน้ำโขง (CLMV) กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งข้อได้เปรียบของ กลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิต คืออยู่ใกล้สนามบินดอนเมือง  

 


 

Key Success ที่ทำให้กลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิต ประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้ คือ การ "FIRST MOVE" ทำในสิ่งที่คู่แข่งยังไม่ทำ และทำในเชิงลึกมากขึ้น และนั่นจึงทำให้ กลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิต มีความเป็นผู้นำในหลายด้าน

1.เราเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกใน จังหวัดปทุมธานี
2.เราเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางแม่และเด็กแห่งแรกในจังหวัดปทุมธานี
3.และเราเป็นศูนย์หัวใจ 24 ชั่วโมง แห่งแรกและแห่งเดียวในจังหวัดปทุมธานี

จาก Key Success ดังกล่าว ทำให้ผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

รายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล 3 ปีย้อนหลัง มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 15.71%

ปี 2563 จำนวน 1,540 ล้านบาท 
 
ปี 2564 จำนวน 1,971 ล้านบาท

ปี 2565 จำนวน 2,039 ล้านบาท

 

ส่วนกำไรสุทธิ

ปี 2563 จำนวน 104 ล้านบาท 
 
ปี 2564 จำนวน 317 ล้านบาท

ปี 2565 จำนวน 293 ล้านบาท

และไตรมาสแรก ปี 2566 จำนวน 44 ล้านบาท


คุณรณชิต บอกว่า การที่กลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิต มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากสัดส่วนรายได้จากลูกค้า 2 กลุ่ม ใกล้เคียงกัน จึงต้องพยายามรักษาสมดุลของลูกค้าทั้ง 2 กลุ่ม ซึ่งปัจจุบันการแข่งขันในธุรกิจโรงพยาบาลค่อนข้างสูง ทั้งการแข่งขันในกลุ่มผู้ประกอบการด้วยกัน และกลุ่มธุรกิจที่ไม่ได้ทำธุรกิจโรงพยาบาล เช่น กลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจอุปโภคบริโภค ก็เริ่มเข้ามาลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาล โดยเฉพาะระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ ( Primary Care) เพราะมองว่ายังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี 


เราจึงมองว่าจะทำอย่างไร จึงจะรองรับการเติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืนในอนาคตข้างหน้า และกำหนด Position ของตัวเองที่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ โดยเฉพาะในแนวลึก เราจึงต้องเพิ่มศักยภาพการให้บริการ สร้างความเป็นเลิศในการรักษาเฉพาะด้าน สามารถตอบสนองความต้องการเนื่องจากปัจจุบัน โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับสังคมผู้สูงอายุ ที่ไทยเริ่มเข้าสู่ สังคมผู้สูงวัย (Aging Society) ที่กลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิต มีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว 


กลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิต จึงเน้นจะยกระดับการให้บริการ 3 โรคที่เกี่ยวข้องกับสังคมผู้สูงวัย ซึ่งเราทำอยู่ในปัจจุบัน คือ 


1.เราเป็นศูนย์โรคหัวใจ 24 ชั่วโมง แห่งแรกและแห่งเดียวในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งเราดูแลหัวมามานับหมื่นกว่าดวง จนถึงทุกวันนี้
2.เรามีศูนย์ล้างไตขนาดใหญ่ ประมาณ 60 กว่าเตียง ที่เปิดให้บริการ และมีการเข้าใช้บริการ 5,000 รอบต่อเดือน
3.เราจะเป็นศูนย์รักษาโรคมะเร็ง ซึ่งปัจจุบันเป็นโรคมีอัตราการเสียชีวิตที่สูงที่สุดในประเทศในปัจจุบัน โดยเราจะดูแลในเรื่องรังษีรักษา ให้คีโม เพราะปัจจุบันเรายังไม่ได้เสริมศักยภาพด้านนี้ ต้องส่งผู้ป่วยรังษีรักษา และคีโม ไปยังรพ.ที่มีศักยภาพในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งต่อ


นอกจากนี้ ยังมีแนวคิด ที่จะ "FIRST MOVE" ขยับขยายธุรกิจบริการการแพทย์ด้านอื่นๆ ในสิ่งที่คนอื่นยังไม่ทำเพิ่มเติมอีกหลายด้าน   


กลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิต จึงมีแผนจะระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้วยการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไป หรือ IPO จำนวน 54 ล้านหุ้น เพื่อนำเงินไปรองรับแผนที่เราวางไว้  โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุน ไปใช้ดังนี้

1.โครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่ที่ 1
2.โครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่ที่ 2
3.ซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์
3.โครงการก่อสร้างอาคารจอดรถ 
5.เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงินบางส่วน
6.ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ


กลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิต มีบริเวณเนื้อที่ทั้งหมด 10 ไร่ ปัจจุบันใช้เป็นพื้นที่สร้างโรงพยาบาลไปเพียง 5 ไร่ ซึ่งโครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่ 2 แห่ง และอาคารจอดรถ จะใช้พื้นที่ประมาณ 3 ไร่ ซึ่งยังเหลือพื้นที่อีก 2 ไร่ ไว้รองรับการเติบโตในอนาคต


โดยโครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่ที่ 1 และอาคารจอดรถ คาดว่าจะสร้างเสร็จในไตรมาส 4 ปี 2567 หลังสร้างเสร็จจะย้ายศูนย์ล้างไต ที่อยู่ในศูนย์บริการเดิม มาที่ตึกแห่งนี้ และขยายเพิ่มอีก 30 เตียง และทำศูนย์พักฟื้น เพื่อดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัด ที่ไม่พร้อมไปดูแลที่บ้าน เพิ่มขึ้นอีก 12 เตียง พร้อมทั้งจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย  


เมื่อเราย้ายศูนย์ล้างไตที่อยู่ในโรงพยาบาลแพทย์รังสิตออกไป จะทำให้เราจะสามารถรองรับการใช้บริการผู้ป่วยประกันตนเพิ่มขึ้นได้อีกประมาณ 2 หมื่นคนในปี 2568 จากปัจจุบัน 156,000 คน ทำให้ยอดรวมผู้ประกันตนเพิ่มเป็นเกือบ 180,000 คน และเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานประกันสังคม ได้เพิ่มค่าหัวการรักษาของผู้ประกันตนเพิ่มจาก 1,460 บาทต่อหัวต่อปี เป็น 1,808 บาทต่อหัวต่อปี ซึ่งจะทำให้ PHG มีรายได้ส่วนนี้เพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมหาศาล


ส่วนโครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่ที่ 2 คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ปี 2569 โดยอาคารนี้จะสร้างเป็นศูนย์มะเร็ง เพิ่มอีก 58 เตียง 


ภายหลังก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่ทั้ง 2 แห่ง จะทำให้กลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิต มีจำนวนเตียง เพิ่มขึ้นอีก 100 เตียง จากปัจจุบัน 270 เตียง เพิ่มเป็นเป็น 370 เตียง  


ซึ่งจะทำให้กลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิต ขยายขีดความสามารถในการรักษาคนไข้ได้เพิ่มขึ้นจำนวนมาก และจะทำให้ใน 4-5 ปีข้างหน้า อัตราการเติบโตของรายได้จะสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยเราคาดหวัง %การเติบโตของรายได้และกำไร จะเพิ่มขึ้นขั้นต่ำด้วยเลข 2 หลัก จากเดิมที่%การเติบโตด้วยเลขตัวเดียวมาโดยตลอด 


คุณรณชิต บอกว่า ตลอดระยะเวลา 39 ปีที่ผ่านมา กลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิต ค่อยๆ เติบโตอย่างต่อเนื่อง เก็บเกี่ยวผลกำไรแล้วมาลงทุนสร้างตึก ใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินน้อยมาก สัดส่วนหนี้สินต่อทุน จึงค่อนข้างต่ำ เราจึงเติบโตอย่างมั่นคงจนถึงทุกวันนี้ ขณะที่มีนโยบายการจ่ายปันผลที่ดีอย่างต่อเนื่อง ในอัตราไม่น้อยกว่า 50%ของกำไรสุทธิ ทำให้ ณ วันนี้กลุ่มผู้ถือหุ้นที่เริ่มต้นก่อตั้งบริษัทด้วยกัน (Co-Founder) จึงยังคงอยู่กับเรามาจนถึงทุกวันนี้ 


และจากแผนการระดมทุนเพื่อนำเงินไปขยายศักยภาพการดำเนินธุรกิจ ทำให้ในระยะยาว กลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิต จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง 


ดังนั้น หากจะมองพื้นฐานของหุ้น PHG จึงเป็นหุ้นที่เติบโตอย่างมั่นคง และเราพร้อมจะนำพาผู้ถือหุ้นทุกคน เติบโตร่วมกันไปกับเราอย่างมั่นคง และยั่งยืน

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com