Market

InnovestX คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1350-1370 จุด
29 เม.ย 2567

แนวโน้มตลาดวันนี้ (29 เม.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบ โดยมีกรอบบนที่คาดยังถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน 1370 จุด ขณะที่กรอบล่างมีแนวรับอยู่ที่ 1355 และ 1350 จุด ตามลำดับ ขณะที่นักลงทุนรอติดตามประเด็นสำคัญในสัปดาห์นี้ สำหรับการประชุมเฟด เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ย ทั้งในภาพรวม หากดัชนีต่ำกว่า 1350 จุด จะเริ่มเป็นสัญญาณลบ

 

ประเด็นสำคัญ

• ดัชนี Core PCE มี.ค. ของสหรัฐปรับขึ้น 2.8%YoY และ 0.3%MoM ช่วยคลายกังวลภาวะ stagflation ตลาดคาดมีโอกาสมากขึ้นที่ Fed จะปรับลด ดบ. ลงใน ก.ย. โดย Bond Yield อายุ 10 ปีลดลงสู่ 4.6630%

 

• ราคาทองแดงปรับขึ้นเกิน 10,000 เหรียญ/ตันเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี หนุนจากแนวโน้มอุปทานตึงตัว ขณะที่อุปสงค์มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน

 

• ราคาหุ้น Microsoft +1.8% หลังรายงานกำไรไตรมาส 3 สูงเกินคาด หนุนจากการใช้ AI มากขึ้นในบริการ cloud

 

• ก. คลังระบุภายใน พ.ค.นี้ จะเริ่มจัดเก็บภาษีมูลค่า 7% สำหรับสินค้าที่นำเข้าจาก ตปท. ที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บ. หลังได้รับความเห็นชอบจาก ครม. และจัดทำรายละเอียดกฎหมายเสร็จแล้ว

 

• สมาคมผู้ส่งออกข้าวเตรียมปรับเพิ่มเป้าส่งออกข้าวปีนี้จาก 7.5 ล้านตัน เป็น 8 ล้านตัน โดยคาดมีมูลค่าส่งออกรวมราว 1.8-1.9 แสนลบ. อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า อีกทั้งอุปสงค์ในตลาดโลกสูงโดยเฉพาะอินโดนีเซีย และอินเดียยังห้ามส่งออกข้าวไปจนถึงปลายปี

 

• ติดตามนโยบาย ศก. หลังมีการปรับ ครม. ใหม่ โดยเฉพาะ ก.คลัง ที่ได้ รมว. คนใหม่ ขับเคลื่อนนโยบายการคลังและงบประมาณ ผลักดันนโยบายเงินดิจิทัล

 

• BBL นำร่องลด ดบ. MRR ลง 0.25% มีผลวันนี้ขณะที่สมาคมสถาบันการเงินของรัฐมีมติปรับลดดบ. MRR ลงเช่นกัน เริ่มตั้งแต่ 1 พ.ค. 67 เพื่อช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบางทั้งลูกค้าบุคคลและ SME เป็นระยะเวลา 6 เดือน

 

ล็อตเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะเปราะบางตามตลาดหุ้นโลก จากกังวลสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยล่าช้ากว่าที่ตลาดคาดไว้เดิม ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้ 

 

1) หุ้นเก็งกำไรผลประกอบการ 1Q67 ซึ่งคาดจะมีการเติบโตที่ดี YoY และจะประกาศในช่วงสองสัปดาห์หน้า เลือก HMPRO TRUE GFPT KCE TOP ขณะที่แนะนำระมัดระวังการลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งมีความเสี่ยงค่าเงินบาทอ่อนจะกดดันผลประกอบการ 1Q67

 

2) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แนะนำหุ้นปลอดภัย (Defensive Stock) ซึ่งพื้นฐานแข็งแกร่ง ผลประกอบการไม่ผันผวนตามเศรษฐกิจ เลือก หุ้นการแพทย์ (BDMS BCH) หุ้นขนส่งทางบก (BEM) หุ้นค้าปลีก (CPALL CPAXT) หุ้นสื่อสาร (ADVANC) หุ้นอสังหาปันผลดี (AP)

 

3) หุ้นที่สามารถเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง (Hedging) จากกรณีความไม่สงบในตะวันออกกลาง ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง เลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP ซึ่งคาดจะได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น และหุ้นโรงกลั่นจะได้ผลบวกผ่านกำไรสต๊อกที่เพิ่มขึ้นเชิงพื้นฐานชอบ BCP (ทั้งนี้หากสถานการณ์ลุกลามไปสู่การสู้รบอย่างเต็มรูปแบบอาจหนุนราคาน้ำมันเกิน 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในระยะสั้น เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่ออุปทานของอิหร่านที่คิดเป็น 3-4% ของอุปทานโลก และในกรณีเลวร้ายกระทบการส่งออกน้ำมันผ่านช่องแคบ Hormuz อาจกระทบการส่งออกได้สูงสุดถึงกว่า 17% ของอุปทานโลก) ขณะที่มองลบต่อกลุ่มค้าปลีกน้ำมัน (ค่าการตลาดแคบ) และกลุ่มสายการบิน (ต้นทุนเพิ่ม)

 

กลยุทธ์การลงทุน  ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะเปราะบางตามตลาดหุ้นโลก จากความกังวลสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยล่าช้ากว่าที่ตลาดคาดไว้เดิม โดยสัปดาห์นี้คาดอัตราการว่างงานของสหรัฐจะทรงตัว และการประชุมของเฟดจะยังมีมติคงดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่การเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลประกอบการ 1Q67 ของหุ้นกลุ่ม Real Sector คาดจะมีอัตราการเติบโตต่ำ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

 

Top Picks

CPAXT 1Q67 คาดกำไรปกติ 2.5 พันลบ. เพิ่มขึ้น 21%YoY จากยอดขายและ EBIT margin ที่ดีขึ้น (SG&A/ยอดขายลดลง) และดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจากการรีไฟแนนซ์หนี้ คาดกำไร 2Q67 เติบโต YoY จากยอดขายที่ดีขึ้นจากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและอากาศร้อนที่ช่วยหนุนยอดขายสินค้าอาหารและเครื่องใช้ไฟฟ้า

 

TU 1Q67 คาดกำไรปกติ 922 ลบ. เติบโต 15%YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น คาดกำไร 2Q67 เพิ่มขึ้น QoQ จากปัจจัยฤดูกาล และ YoY จากธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปและธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงดีขึ้น ทั้งไม่มีผลขาดทุนจาก Red Lobster ปัจจุบันเทรด PER 67F ที่ 14.7 เท่า ต่ำกว่า -1SD ของ PER เฉลี่ย 10 ปีที่ 16 เท่า

 

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com