บล.พาย เตือนหุ้นไทยยังลงได้อีก คาด SET ร่วงจุดต่ำสุดที่ 1,000-1,200 จุด ฟันธงปีนี้ไม่เห็นตลสดขาขึ้น มีปัจจัยเสี่ยงกดดันทั้งสงครามการค้า เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และศก.ไทยโตต่ำ 3% กด EPS บจ. ไทยเหลือ 92 บ./หุ้น แนะช่วงนี้ถือเงินสด 70% หุ้นไม่เกิน 30% รอจังหวะซื้อช่วง SET ไหลลงแถว 1,000 จุด มั่นใจหุ้นไทยมีจุดแข็งดีกว่าตลาดเกิดใหม่หลายประเทศ ทั้งมูลค่าหุ้นถูกอยู่ที่ 1.2 เท่า ปันผล 4% ชี้กลุ่มอสังหาฯ -เฮลท์แคร์-โลจิสติก น่าสนใจ เผยเงินต่างชาติไหลออกจากหุ้นไทยไปกระจุกอยู่ในอินเดีย
นายกวี ชูกิจเกษม ประธานเจ้าหน้าที่สายบริหารพอร์ตการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ พาย หรือ PI เปิดเผยว่า ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมา 30%แล้ว และปีนี้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET) ล่าสุดวันนี้ (28 ก.พ.) ไหลลงมาหลุดระดัย 1,200 จุดแล้ว ซึ่งมองว่า SET ยังมีโอกาสที่จะลงได้อีก เนื่องจากไทยไม่สามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีนได้ การเกิดสงครามการค้าและสงครามเทคโนโลยี จะมีผลต่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ถือเป็นความเสี่ยงหลักๆของตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลง รวมถึงหุ้นไทยด้วย โดยคาดว่า ปีนี้ SET จะปรับลดลงมาอยู่ที่ 1000 - 1200 จุดได้ ส่วนโอกาสฟื้นตัวเป็นขาขึ้นยังไม่มีโอกาสเห็นภายในปีนี้ เพราะนอกจากปัจจัยหลักนอกประเทศแล้วยังมีปัจจัยภายในประเทศจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตได้ต่ำกว่า 3% ทำให้คาดการณ์แนวโน้ม EPS (กำไรสุทธิต่อหุ้น) ของบริษัทจดทะเบียนอยู่ที่ 92 บาทต่อหุ้นในปีนี้ และต้องรอดู EPS ของปี 67 ก่อนว่าจะออกมาต่ำกว่าที่คาดปี 2567 ที่อยู่ 97 บาทต่อหุ้นหรือไม่ หากออกมาต่ำกว่าคาดก็มีแนวโน้มที่อาจจะเห็นการปรับประมาณการ EPS ในปีนี้ลดลง อย่างไรก็ตาม ปีนี้หุ้นไทยมีความเสี่ยงขาลงจำกัด (Downside risk) หลังจากที่ตอนนี้ตลาดลงมา 30% แล้ว ทั้งนี้ โดยสถิติที่เกิดวิกฤติต่างๆในรอบ 30 ปี พบว่า หุ้นจะปรับตัวลงราว 50% ไม่ว่าจะเป็น วิกฤตซับไพร์ม โควิด ซึ่งหุ้นไทยลงราว 48% และหุ้นสหรัฐลง 50% ดังนั้น ปัจจุบัน หุ้นไทยเพิ่งปรับตัวลดลงมา 30% จึงยังมีโอกาสที่จะปรับตัวลงได้อีก เพราะฉะนั้น สามารถทยอยซื้อลงทุนได้ในระหว่างปีนี้ โดยตอนนี้ในพอร์ตควรมีหุ้นไม่เกิน 30% และถือเงินสดราว 70% ทยอยลงทุน และหากตลาดไหลงมาจุดต่ำๆ (bottom) ที่ 1000 จุด สามารถถือหุ้นเพิ่มและลดถือเงินสดลงได้
“เนื่องจากหลักๆมีปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงสูงและในประเทศจากนโยบายรัฐบาลที่ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตได้มากกว่านี้ จึงมองว่าปีนี้โอกาสฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยยังไม่มี แต่มีโอกาสที่ดัชนีจะหลุดลงระดับที่ 1000- 1200 จุดถือเป็นจุดต่ำสุดหรือ bottom และคาดว่าน่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ในปีหน้า ดังนั้นในปีนี้ถือ เป็นโอกาสในการแสวงหาการลงทุน เนื่องจากตลาดหุ้นไทยมีข้อดีจากการปรับตัวลงมา 2 ปีแล้ว ตอนนี้ราคาถูกมาก P/BV ลงมาเหลือ 1.2 เท่า อัตราผลตอบแทนของเงินปันผลอยู่ที่ 4% ซึ่งยังมีหุ้นในตลาดหลายตัวที่ราคาถูกและให้อัตราเงินปันผลที่ดี ส่วนค่า P/E หุ้นไทยสูง 13 เท่าสูงกว่าหลายๆประเทศเพื่อนบ้านไมย แตากหากดูภาพรวมของกำไรบริษัทจดทะเบียนทรงคัวได้ดี ไมาขึ้นลงหวือหวา เมื่อมองหลานๆตัว มูลค่าหุ้น (Valuation) หุ้นไทย จะถูกกว่า หากดูกลุ่มหุ้นอสังหาริมทรัพย์ ที่ค่า P/E ต่ำมากแค่ 5 เท่า ขณะที่อัตราเงินปันผล 7% ทำให้หุ้นกลุ่มนี้น่าลงทุน และยังมีกลุ่มสุขภาและกลุ่มขนส่งรวมถึงนิคมฯที่น่าซื้อ ลงทุน SET มีโอกาสจะลงได้ถึง 1,000 จุด เป็นจังหวะที่เข้าซื้อได้ เรามองว่าเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง “นายกวีกล่าว
สำหรับหุ้นไทยเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านกลุ่มตลาดเกิดใหม่ เชื่อว่าตชาดหุ้นไทยยังน่าสนใจอยู่ อย่างไรก็ตาม ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยออกอย่างต่อเนื่อง และตอนนี้ก็ยังมีแรงเทขายอยู่ ซึ่งต่างชาติย้ายไปลงทุนในตลาดหุ้นอินเดียกันมากจนปัจจุบัน เป็นตลาดที่มีค่าพี/อี ค่อนข้างสูง 20 เท่า ทำให้เป็นตลาดที่มีความเสี่ยง การแนะนำลงทุนในตบาดเกิดใหม่ ยังมีตลาดหุ้นเวียดนามและจีนที่ค่า P/E ต่ำกว่าไทย หากต้องการจัดพอร์ตลงทุนสินทรัพย์ทั่วโลกแนะนำถือ Global สัดส่วน 30% และสินทรัพย์ปลอดภัย 70%