แนวโน้มตลาดวันนี้ (6 ธ.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET ในช่วงสั้นมองแกว่งในกรอบระหว่าง 1440-1460 จุด ส่วนภาพรวมยังมีสัญญาณต่อภาพการไต่ระดับ โดยจุดติดตามอยู่ที่กรอบบน 1460 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเป็นสัญญาณบวกต่อ และมีแนวต้านถัดไปที่ 1470 จุด ปัจจัยหนุนจากเม็ดเงินกองทุนประหยัดภาษี และดอลลาร์อ่อน บาทแข็ง เป็นบวกต่อ fund flow ประเด็นสำคัญ วันนี้ ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ
ประเด็นสำคัญ
• โอเปกพลัสมีมติเลื่อนการเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันออกไป 3 เดือนถึง เม.ย. 68 และขยายเวลายกเลิกมาตรการลดกำลังผลิตออกไปอีก 1 ปีถึงสิ้นปี 2569 จากอุปสงค์ที่ซบเซา แต่ ปท. นอกกลุ่มฯ กลับมีการผลิตพุ่งสูง
• ปธ. เฟดเผย ศก. สหรัฐขณะนี้แข็งแกร่งมากกว่าที่เฟดคาดการณ์ไว้ในเดือน ก.ย. ซึ่งเป็นเดือนที่เฟดเริ่มปรับลด ดบ. พร้อมกับส่งสัญญาณถึงการปรับลด ดบ. อย่างค่อยเป็นค่อยไปในอนาคต
• ททท. คาดการท่องเที่ยวในปี 68 ดีขึ้น หนุนจากนโยบายกระตุ้น ศก. และการท่องเที่ยว คาด นทท. ต่างชาติจะมาไทยแตะ 40 ล้านคนเป็นครั้งแรก ตามนโยบาย รมว.ท่องเที่ยว สูงกว่าเป้าที่ ททท. ตั้งไว้ที่ 39.5 ล้านคน
• บอร์ดอีวีอนุมัติมาตรการลดภาษีหนุน HEV-MHEV ที่ผลิตใน ปท. หนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า และปรับปรุงเงื่อนไขมาตรการ EV3 ปลดล็อกเวลาผลิตชดเชยหลังยอดขายชะลอ
• กกร. เผย ม.หอการค้าไทยประเมินความเสียหายน้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเดือน ก.ย. 67 อยู่ที่ 7.5 หมื่นลบ. คิดเป็น 0.5% ของ GDP ส่วนน้ำท่วมภาคใต้อาจมีมูลค่าความเสียหาย 0.5-1 พันลบ. คิดเป็น 0.03-0.06% ของ GDP
• รมว.คลัง, ผู้ว่า ธปท. และ ผบห. สถาบันการเงิน จะแถลงมาตรการแก้หนี้ของธนาคารพาณิชย์ ในส่วนของหนี้บ้าน หนี้รถยนต์ และหนี้ SMEs ในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับลูกหนี้
• สนค.เผยเงินเฟ้อทั่วไป พ.ย.67 เพิ่มขึ้น 0.95%YoY ขยายตัวมากสุดในรอบ 3 เดือน แต่หดตัว 0.13%MoM ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน พ.ย .67 สูงขึ้น 0.80%YoY เร่งตัวขึ้นเล็กน้อยจาก ต.ค. 67 ที่สูงขึ้น 0.77%YoY
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมอง SET จะยังเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways ในกรอบ โดยมีแนวรับเชิงจิตวิทยาที่บริเวณ 1400 จุด และตลาดจะมีการรีบาวน์เป็นระยะๆ เป็นผลสืบเนื่องจากปัจจัยต่างประเทศยังค่อนข้างจำกัด โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มทรงตัว ขณะที่ภาคการค้าระหว่างประเทศของจีนยังมีแนวโน้มได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ส่วนปัจจัยในประเทศยังไม่มีประเด็นใหม่ๆ เข้ามาช่วยกระตุ้นบรรยากาศการลงทุน และยังติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของภาครัฐ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
Daily top picks
AOT : เป็นหนึ่งในหุ้นเด่นของเราในกลุ่มท่องเที่ยว โดยกำไรจะมีแนวโน้มเติบโตสดใสตามจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยปี FY2568 คาดกำไรจะเติบโต 18%YoY อิงจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ 84 ล้านคน เติบโต 15%YoY ซึ่ง 1QFY68 คาดกำไรจะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากเข้าสู่ High Season ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย
BBL : เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคาร โดยมองมีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นจาก 1) valuation ถูกที่สุด 2) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำที่สุด และ 3) สินเชื่อมีแนวโน้มเติบโตสูงที่สุด โดยคาดสินเชื่อจะฟื้นตัวเติบโตได้ดีใน 4Q67 ซึ่งล่าสุด ต.ค. สินเชื่อเติบโตแข็งแกร่งที่สุดที่ 1.4%MoM แรงหนุนจากสินเชื่อกิจการต่างประเทศและสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่