บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ ส่งสัญญาณแนวโน้มธุรกิจและผลงานไตรมาส 2 โตต่อเนื่อง รับอานิสงส์จากความต้องการใช้ก๊าซ LPG ฟื้นตัว ส่งออกไปได้สวย เดินหน้าขยายจุดกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ดันผลยอดขายก๊าซ ทะลุ 820,000 ตัน ตามแผน พร้อมทุ่มงบลงทุนธุรกิจใหม่ Green Energy รองรับเมกะเทรนด์รักษ์โลก ตอบโจทย์ ESG หนุนผลงานนิวไฮต่อเนื่อง
นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (WP) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 ของบริษัทฯ เชื่อว่ายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยเฉพาะภาคครัวเรือน มีความต้องการใช้มากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงได้รับปัจจัยบวกจากเงินบาทอ่อนค่า และราคาขายก๊าซ LPG ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก
ในปี 2567 ตั้งเป้ายอดขายก๊าซ LPG ที่ 820,000 ตัน แบ่งเป็นยอดขายภายในประเทศจำนวน 790,000 ตัน และส่งออก จำนวน 30,000 ตัน โดยมีแผนขยายจุดกระจายสินค้าภาคครัวเรือนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถกระจายสินค้าและเข้าถึงลูกค้าได้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากขึ้น รองรับความต้องการของผู้บริโภค โดยปัจจุบันมีจุดกระจายสินค้ากว่า 168 แห่งทั่วประเทศ
ขณะที่การลงทุนในธุรกิจติดตั้งระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ปัจจุบันมีการเซ็นสัญญาไปรวมทั้งสิ้น 11 เมกะวัตต์ มั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recuring Income) ให้กับกลุ่มบริษัท โดยตั้งงบลงทุนไว้ที่ 600 ล้านบาท เน้นขยายการลงทุนด้าน Green Energy และยังคงมองหาการลงทุนหรือขยายโอกาสในการลงทุนในอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะอยู่ใน Trend การเติบโตในอนาคต ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเป็นรูปแบบการลงทุนเอง หรือร่วมทุนกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ สอดรับเมกะเทรนด์รักษ์โลก ตอบโจทย์ ESG หนุนธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
“มั่นใจว่าภาพรวมธุรกิจก๊าซ LPG ในปีนี้จะยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะภาคครัวเรือนมีความต้องการใช้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อยอดขายของบริษัทเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ระดับ 18,250 ล้านบาท อีกทั้งการลงทุนในธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป จะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ สนับสนุนผลการดำเนินงานเติบโตอย่างยั่งยืน” นางสาวชมกมล กล่าว
อนึ่ง ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1/2567 ของบริษัทฯมีรายได้รวม 4,847.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 347.72 ล้านบาท หรือ 7.73% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 4,499.92 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 32.64 ล้านบาท