TKS ประเมินแนวโน้มธุรกิจครึ่งหลังปี 2566 ฟื้นตัวจากครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ทั้งในส่วนธุรกิจสิ่งพิมพ์และส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วม หนุนบริษัทสามารถรักษาผลประกอบการในภาพรวมได้ในระดับที่ดี พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์ Tech Ecosystem Builder สร้างรากฐานการเติบโตที่แข็งแกร่งในระยะยาว
นายจุติพันธุ์ มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.เค.เอส.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ TKS ผู้ประกอบธุรกิจ Security Printing ครบวงจรรายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรก 2566 บริษัทมียอดขายเติบโตจากปีก่อน เพราะเริ่มเห็นการเติบโตของทั้งกลุ่มภาครัฐและภาคเอกชน เช่น งานข้อสอบกลุ่มภาครัฐ งานพิมพ์กลุ่มสมุดบัญชีธนาคารของสถาบันการเงิน และงานฉลากพิมพ์ป้องกันการปลอมแปลง (Security Label) กลุ่มลูกค้าส่งออก เป็นต้น แต่ในขณะที่ผลประกอบการมีการปรับตัวลดลงจากปีก่อนเนื่องจากต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นทุนวัตถุดิบมีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนแนวโน้มในครึ่งปีหลังจะมีงานในมือที่เป็นโปรเจ็กต์ และแนวโน้มการปรับตัวลดลงของต้นทุนการผลิตที่ผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว จะเป็นปัจจัยหนุนให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดีขึ้น
ในขณะที่ส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วมอย่าง SYNEX ในครึ่งปีแรกก็มีการปรับตัวลดลงจากปีก่อนเช่นกัน เนื่องมาจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นทำให้มีชะลอการใช้จ่ายสินค้า IT ของทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการภาคเอกชน ส่งผลให้ยอดขายและกำไรขั้นต้นลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน อีกทั้งต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นก็มีส่วนทำให้ส่วนแบ่งกำไรจาก SYNEX ในภาพรวมลดลง อย่างไรก็ดีเชื่อว่าผลประกอบการในครึ่งปีหลังของ SYNEX จะเริ่มฟื้นตัวจากผลิตภัณฑ์กลุ่มสมาร์ทโฟน ที่โดยปกติจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่และมียอดขายที่สูงขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี รวมถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของกลุ่ม Commercial จากงบประมาณและโครงการของภาครัฐที่เริ่มชัดเจนขึ้นจากการจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงนโยบายรัฐบาลต่างๆที่จะกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายของผู้บริโภคและภาคเอกชนมากขึ้น
“ปี 2566 เชื่อว่ายังเห็นการเติบโตที่ดีของ TKS แม้จะมียอดขายบางส่วนลดลง แต่บางกลุ่มก็เพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่ารายได้บางกลุ่มธุรกิจจะสามารถเติบโตได้อีก ซึ่งยังเดินหน้าในการขยายการลงทุนใหม่ๆ ตามกลยุทธ์การเป็น Tech Ecosystem Builder ที่ผ่านมาได้สร้าง Ecosystem ไว้จำนวนมาก ซึ่งการกระจายการลงทุนในธุรกิจใหม่ จะทำให้บริษัทได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน อาทิ เช่น เงินปันผล ที่จะเข้ามาช่วยเสริมผลประกอบการของบริษัทให้มีความมั่นคงและมีความสม่ำเสมอมากขึ้น อีกทั้งยังลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งมากเกินไป ดังนั้นน่าจะเห็นการลงทุนใหม่ๆ ต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีการรับรู้กำไรจากส่วน Non-printing ประมาณ 70%” นายจุติพันธุ์ กล่าว
อย่างไรก็ดี บริษัทยังเดินหน้ากลยุทธ์ Tech Ecosystem Builder โดยมุ่งเน้นการปรับแผนธุรกิจของบริษัทฯมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับตัวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีดิจิทัล โดยการพัฒนานวัตกรรมด้านระบบสารสนเทศ และได้ปรับโครงสร้างองค์กรในกลุ่มบริษัทให้เกิดผลผนึกทั้งด้านการพัฒนาตลาดและผลิตภัณฑ์ และด้านการลดต้นทุนการผลิตเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันโดยรวมสำหรับรักษาฐานธุรกิจเดิมควบคู่ไปกับการหาพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่
“มองไปข้างหน้าอีก 2-3 ปี กลุ่มธุรกิจของ TKS จะมีความหลากหลายมากขึ้น โดยจะเน้นไปยังกลุ่มเทคโนโลยีที่ไม่ได้มีความซับซ้อนเกินไปอย่าง Deep Tech (เทคโนโลยีขั้นสูง) ซึ่งส่วนตัวมีความเข้าใจในเรื่องเทคโนโลยีอยู่แล้ว ทั้งจากประสบการณ์การทำบริษัท Tech Start up และการคลุกคลีอยู่กับบริษัทในเครืออย่าง SYNEX เชื่อมั่นว่าความหลากหลายในกลุ่มธุรกิจของ TKS และการโฟกัสในธุรกิจเทคโนโลยีจะสร้างรากฐานการเติบโตที่แข็งแกร่งได้ในระยะยาว” นายจุติพันธุ์ กล่าว
ส่วนแผนการเข้าไปลงทุนถือหุ้นดีลใหม่ๆ บริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาดีลต่างๆ ทั้งในส่วนของ Strategic Deal ของ TKS และ Tech Start up Deal ของ Next Ventures ซึ่งเป็นไปตามแผนการเติบโตแบบ Inorganic Growth