แนวโน้มตลาดวันนี้ (6ก.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET ปรับขึ้นแรงเหนือ 1400 จุด โดยแม้จะมีการชะลอตัวเพื่อลดความร้อนแรงบ้าง อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมยังมีสัญญาณที่ดี และยังมีแรงหนุนจากปัจจัยภายในที่มีความโดดเด่น ได้แก่ 1) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล 2) เม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์ และ 3) ทิศทาง fund flow ไหลเข้า ด้านแนวรับอยู่ที่ 1380-1390 จุด ส่วนแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1415 และ 1425 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
• คลังเตรียมขายหน่วยลงทุนวายุภักษ์ 1 แก่นักลงทุนทั่วไปในวันที่ 16-20 ก.ย. นี้ และวันที่ 18-20 ก.ย. สำหรับนักลงทุนสถาบัน และจะเริ่มลงทุนในตลาดหุ้นไทยในวันที่ 1 ต.ค. นี้ คาดมีเม็ดเงินเข้าตลาดราว 1.5 แสนลบ.
• พาณิชย์เผยเงินเฟ้อ ส.ค. 67 เพิ่มขึ้น 0.35% สูงขึ้นในอัตราชะลอตัวลง แต่ยังบวกต่อเนื่อง 5 เดือนติด เหตุได้รับผลกระทบจากราคาผักสด ผลไม้สดที่สูงขึ้นจากเจอฝนและน้ำท่วม เงินเฟ้อ 8M67 เพิ่มขึ้น 0.15%
• ชาติอาเซียนทยอยประกาศแผนดึงลงทุนเซมิคอนดักเตอร์ หลังมาเลเซียนำหน้าไปก่อนกับยุทธศาสตร์ศูนย์กลางผลิตชิประดับโลก โดยเวียดนามเตรียมคลอดสิทธิประโยชน์ ลดหย่อนภาษี 150 ปี เช่าที่ดินฟรี 10 ปี
• คลังมั่นใจเศรษฐกิจไทยปีนี้มีจะขยายตัวสูงกว่าที่คาดไว้ราว 2.7-3.0% โดย 4Q67 จะมีแรงหนุนเข้ามาทั้งจากกองทุนวายุภักษ์ โครงการดิจิทัลวอลเล็ตและการใช้จ่ายงบประมาณปี 68 ที่จะเริ่มออกมาตั้งแต่ ต.ค. 67
• Nielsen เผย 1H67 เม็ดเงินโฆษณาสินค้าไฮเอนด์ในไทยมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 214% เติบโตสูงที่สุดในเอเชีย โดยกว่า 82% ของงบโฆษณาถูกใช้ไปกับสื่อนอกบ้านเนื่องจากผู้บริโภคมองเป็นช่องทางโฆษณาที่น่าเชื่อถือที่สุด
• EIA เผยสต็อกน้ำมันสหรัฐฯ ในสัปดาห์ก่อนลดลง 6.8 ล้านบาร์เรล ลดลงมากกว่าตลาดคาด ขณะที่ Reuters เผย OPEC+ อาจพิจารณาเลื่อนกำหนดการเพิ่มกำลังการผลิตออกไปอีก 2 เดือน ท่ามกลางตลาดน้ำมันที่เผชิญแรงกดดันจากหลายฝั่ง
• ADP เผยการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ ส.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 99,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ ม.ค. 64 และต่ำกว่าตลาดคาด ขณะที่ดัชนีภาคการบริการของสหรัฐฯ ส.ค. จัดทำโดย ISM ปรับขึ้นสู่ 51.5 สูงกว่าที่ตลาดคาด
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideway Up จากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่น่าจะมีแนวโน้มฟื้นตัวหลังเริ่มมีความชัดเจนของสถานการณ์ทางการเมืองไทยและการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปลาย 3Q-4Q67 บวกกับ มอง ธปท. เปิดโอกาสเตรียมลดดอกเบี้ยได้มากขึ้น รวมไปถึงกระแส Fund Flow คาดยังไหลเข้าในตลาด EM ต่อเนื่อง ทำให้ค่าเงินบาทและเอเชียแข็งค่าขึ้น โดยมองเม็ดเงินลงทุนจะไหลออกจากกลุ่มพลังงาน ปีโตรเคมี สื่อสารและอิเล็กทรอนิกส์ เข้าสู่กลุ่มธนาคาร ค้าปลีก รับเหมาฯ และการแพทย์ ซึ่งช่วยลดทอนผลกระทบจากปัจจัยภายนอก โดยคาดดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐและจีนจะชะลอตัวลง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
Top Picks
BBL: เป็นหุ้นเด่นกลุ่มธนาคาร หลังมองมีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นจาก 1) การตั้งสำรอง (credit cost) ลดลงในช่วงที่เหลือของปีนี้ 2) การเติบโตของสินเชื่อที่โดดเด่น 3) NIM ที่แข็งแกร่ง และ 4) อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลง อีกทั้ง valuation ยังถูก โดยซื้อขาย PER 67F ที่ 6.2 เท่า (-2SD) และมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำ
CKP: ช่วงสั้นมองได้ประโยชน์จากผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวลดลง และโมเมนตัมกำไร 3Q67 ยังมีแนวโน้มปรับตัวดีต่อเนื่องจากเป็นฤดูฝน ทำให้ปริมาณน้ำสำหรับการผลิตไฟฟ้าคาดว่าจะสูงขึ้นสูงสุดในรอบปี โดยล่าสุดปริมาณการผลิตไฟฟ้าและปริมาณน้ำไหลเข้า ก.ค. เพิ่มขึ้น YoY ทั้งเขื่อนไซยะบุรีและเขื่อนน้ำงึม 2