หุ้นไทยวันนี้ คาดเดินหน้าต่อรับความหวังรัฐบาลใหม่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและราคาน้ำมันขึ้น เป็นบวกต่อหุ้นพลังงาน ฟันด์โฟลทน่าจะมีแรงขายลดเสี่ยงเฟดคาดขึ้นดอกเบี้ยต่อ ชูหุ้น CPF EKH
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (29 ส.ค.) บล. กรุงศรี ประเมิน SET ปรับตัวขึ้นแนวต้าน 1,570 จุด ดัชนียังคงได้แรงหนุนความคาดหวังการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านต่างๆของรัฐบาล รวมถึงกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวเช่น กลุ่มพลังงานราคาน้ำมันดิบยืนเหนือ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล กลุ่มส่งออกที่ได้อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า อย่างไรก็ตามFund flow ต่างชาติที่ไหลออกต่อเนื่องจากความไม่แน่นอนทิศทางดอกเบี้ยของเฟด จะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัวลง
กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy แนะนำหุิน AOT ERW CENTEL MINT AAV BA รัฐบาลใหม่เตรียมให้ฟรีวีซ่าจีนและอินเดีย ส่วน CPF BTG TFG TU ITC AAI กลุ่มส่งออกอานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า และ PTTEP TOP BCP SPRC ราคาน้ำมันดิบทรงตัวเหนือ 80 US/Barrels
หุ้นแนะนำวันนี้
-CPF (ปิด 21 บาท ซื้อ/เป้า IAA Consensus 22.30 บาท) คาดหวังผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ระยะสั้นมี Sentiment บวกจากราคาเนื้อหมูในประเทศเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 สู่ระดับ 70 บาท/ก.ก. เพิ่มขึ้น 2.9%wow และ 18% เมื่อเทียบกับราคาในช่วงต้นเดือน ส.ค.ที่ 59 บาท/ก.ก.
-EKH (ปิด 8.10 บาท ซื้อ/เป้า IAA Consensus 9.80 บาท) โรงพยาบาลเข้าสู่ High Season ของธุรกิจใน 3Q23, ได้ประโยชน์รัฐบาลเตรียมให้ฟรีวีซ่ากับคนจีนและอินเดีย(ก่อนโควิดศูนย์ IVF ของ EKH มีสัดส่วนลูกค้าจีนคิดเป็น 80%ของทั้งหมด)
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) กลุ่มท่องเที่ยวได้ประโยชน์รัฐบาลใหม่เตรียมให้ฟรีวีซ่ากับคนจีนและอินเดีย: เป็นหนึ่งในนโยบายหลักที่รัฐบาลเตรียมผลักดันเนื่องจากการท่องเที่ยวหลักคือฟันเฟืองหลักในการขยายตัวของ GDP หากดำเนินการจีนจะส่งผลบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยวทั้งระบบ อาทิ AOT AAV BA MINT CENTEL ERW และ SPA
(+) ดาวโจนส์ฟื้นตัวแคบรอดูเงินเฟ้อและการจ้างงานสหรัฐในช่วงปลายสัปดาห์: ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 213.08 จุด (+0.62%) ปิดที่ 34,559.98 จุด ฟื้นตัวหลังจากดัชนีปรับลงสถท้อนเฟดส่งสัญญานขึ้นดอกเบี้ยไปแล้วแต่ดัชนีปรับขึ้นจำกัดเนื่องตลาดรอดูตัวเลขเงินเฟ้อ (PCE) และ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในช่วงปลายสัปดาห์
(+) ตลาดหุ้นจีนฮ่องกงฟื้นตัวรับข่าวจีนลดอากรสแตมป์ซื้อขายหุ้น: รัฐบาลจีนประกาศลดภาษีอากรสแตมป์สำหรับการซื้อขายหุ้นลงสู่ระดับ 0.05% จากระดับ 0.1% เป็นการปรับลดภาษีดังกล่าวครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2008 โดยมีเป้าหมายเพื่อพยุงดัชนีและฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน