บมจ.ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง (TPCH) ประเมินแนวโน้มผลงานครึ่งปีหลังเติบโตโดดเด่นจากโรงไฟฟ้าทั้งประเภทเชื้อเพลิงชีวมวล และเชื้อเพลิงขยะ 13 แห่ง กำลังผลิตรวม122.30 เมกะวัตต์ เดินเครื่องได้เต็มกำลังการผลิต ล่าสุด บอร์ดไฟเขียวขายหุ้นบริษัทย่อยในกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ ในราคาไม่น้อยกว่า 1,200 ล้านบาทพร้อมรับภาระทั้งหมดที่มีอยู่ หวังนำเงินลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศรวมถึงการเข้าลงทุนในกิจการอื่นตามนโยบายการลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว ตั้งเป้ามีกำลังการผลิตรวม 500 เมกะวัตต์ ภายในปี 2569
นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้งจำกัด (มหาชน) หรือ TPCH ประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เปิดเผยว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี 2566 ยังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เนื่องจากโรงไฟฟ้าที่จำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงชีวมวลและประเภทเชื้อเพลิงขยะ ทั้ง 13 แห่ง ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 122.30 เมกะวัตต์ สามารถเดินเครื่องได้เต็มกำลังการผลิต โดยโรงไฟฟ้าทั้ง 13 แห่ง ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงชีวมวล CRB, MWE, MGP, TSG, PGP, SGP, PTG, TPCH 5, TPCH 1, TPCH 2, PBB และ PBM รวมทั้งโครงการโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงขยะ สยาม พาวเวอร์ (SP)
“บริษัทฯ มั่นใจว่า ในครึ่งปีหลังของปีนี้ ผลประกอบการน่าจะเติบโตในทิศทางที่ดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และดีต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ เพราะโรงไฟฟ้าที่ COD แล้วทั้ง 13 แห่ง สามารถเดินเครื่องได้ตามปกติ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าชีวมวล ปัตตานี (PTG) และ โรงไฟฟ้าขยะ สยาม พาวเวอร์ (SP) พร้อมทั้ง ได้มีการปรับจูนเครื่องของโรงไฟฟ้าเพื่อให้มีความเสถียรมากขึ้น” นางกนกทิพย์ กล่าว
ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้จําหน่ายหุ้นที่บริษัทฯ ถืออยู่ในบริษัทย่อย ประกอบด้วย 1.บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 1 จํากัด (TPCH 1) จำนวน 25,799,996 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 99.23 ของทุนจดทะเบียนของ TPCH 1, 2.บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 2 จํากัด (TPCH 2) จำนวน 25,799,996 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 99.23 ของทุนจดทะเบียนของ TPCH 2 3.บริษัท ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 5 จํากัด (TPCH 5) จำนวน 19,799,996 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 99.00 ของทุนจดทะเบียนของ TPCH 5 และ4. บริษัท อีโค เอ็นเนอร์ยี กรุ๊ปคอร์ปอเรชั่น จํากัด (ECO) จำนวน 63,375,434 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 99.90 ของจำนวนทุนจดทะเบียนของ ECO ในราคาไม่น้อยกว่า 1,200 ล้าน บาท ให้กับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้า โดยกําหนดให้ผู้จะซื้อจะต้องรับไปทั้งภาระหนี้ของกลุ่มบริษัทโรงไฟฟ้า ได้แก่ หนี้ที่มีอยู่กับธนาคาร
โดยผลประโยชน์ที่คาดว่าบริษัทฯ จะได้รับ และแผนการใช้เงินที่ได้รับจากการจำหน่ายหุ้น เพื่อไปใช้ลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าอื่น ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงโอกาสในการเข้าลงทุนในกิจการอื่น ๆ ตามนโยบายการลงทุนของบริษัทฯ ซึ่งสามารถสนับสนุนธุรกิจหลักของบริษัทฯ หรือธุรกิจที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญ และเป็นธุรกิจที่จะสร้างกำไรได้อย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว
“การจำหน่ายหุ้นของบริษัทย่อยกลุ่มสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้ง TPCH 1, TPCH 2, TPCH 5 และ ECO เพื่อนำเงินที่ได้มาลงทุนในโรงไฟฟ้าอื่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ หรือกิจการที่สนับสนุนธุรกิจหลักของบริษัทฯ ซึ่งจะทำให้มีผลประกอบการเพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกับแผนการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนของบริษัทฯ” นางกนกทิพย์ กล่าว
สำหรับแผนการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนในประเทศ จะเป็นการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงขยะ ประมาณ 7 โครงการ ภายใต้บริษัท สยาม พาวเวอร์จำกัด ซึ่งเป็นโครงการรูปแบบ VSPP (Very Small Power Producer) เพื่อเข้าร่วมโครงการรับซื้อไฟฟ้าของภาครัฐ คาดว่า จะเห็นความชัดเจนเกี่ยวกับการสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายในปีนี้ ประมาณ 1 โครงการ
นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) หรือ TPCH กล่าวว่า ส่วนแผนการลงทุนในต่างประเทศ บริษัทฯ กำลังศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนประเภท พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม ทั้งในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เนื่องจาก TPCH ได้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท แม่โขง พาวเวอร์ จํากัด (MKP) ในสัดส่วนร้อยละ 40 ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจําหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ใน สปป.ลาว และ MKP ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 100 เมกะวัตต์ กับรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (EDL) เรียบร้อยแล้ว โดยมีระยะเวลา 25 ปีนับจากวันที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date : COD) ปัจจุบันได้เซ็นสัญญากับผู้รับเหมาก่อสร้างแล้ว โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้ภายในไตรมาส 4/2566
ขณะเดียวกัน การลงทุนในประเทศกัมพูชา ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาต ทั้งโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม โดยตั้งเป้ากำลังการผลิตรวมทั้ง 2 ประเภท ประมาณ 200-300 เมกะวัตต์ และ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายมีกำลังการผลิตรวม500 เมกะวัตต์ ภายในปี 2569 แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงชีวมวล 90 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงขยะ 70 เมกะวัตต์ และโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมในต่างประเทศ 340 เมกะวัตต์
อนึ่ง ภาพรวมผลการดำเนินงานของ TPCH ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566) มีกำไรสุทธิ 140.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 296% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 35.36 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,445.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 1,239.12 ล้านบาท ขณะที่ งวดไตรมาส 2/2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 29.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า1,000% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 1.63 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 659.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวมเท่ากับ 613.6 ล้านบาท