บี จิสติกส์ส่ง”เมกะวัตต์" ลุยธุรกิจคาร์บอนเครดิต พร้อมเตรียมเงินทุนซื้อขายใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน หรือ REC ทยอยสะสมคาร์บอนเครดิตรองรับความต้องการตลาดโลกที่มีแนวโน้มเติบโตสูง เผยปี 2572 ประเทศไทยเตรียมเก็บภาษีคาร์บอนเครดิต ลั่นใช้เงินเพิ่มทุน RO กว่า 1.2 พันล้าน เกิดประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจกลุ่ม B หนุนเติบโตยั่งยืน
ดร.ปัญญา บุญญาภิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี จิสติกส์ จำกัด (มหาชน)หรือ B เปิดเผยว่า กลุ่ม B เดินหน้าขยายธุรกิจเต็มที่ หลังจากได้รับเงินกว่า 1,245 ล้าน จากการออกหุ้นเพิ่มทุนขายให้ผู้ถือหุ้นเดิม(Right Offering) หรือ RO โดยจัดสรรเงินทุน 140 ล้านบาท ปล่อยกู้ตามส่วนให้กับบริษัทย่อย คือบริษัท เดอะ เมกะวัตต์ จำกัด ในการพัฒนาธุรกิจด้าน คาร์บอนเครดิต (Carbon Credits) ซื้อขายใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate หรือ REC) จากผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียน ทยอยสะสมคาร์บอนเครดิต รองรับความต้องการตลาดโลกที่มีแนวโน้มเติบโตสูง โดยในปี 2572 ประเทศไทยเตรียมเก็บภาษีคาร์บอนเครดิต
“ธุรกิจคาร์บอนเครดิตมีแนวโน้มเติบโตสูงตามเมกะเทรนด์ของโลก และช่วยกระตุ้นให้เกิดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อบรรลุเป้าหมายตามข้อตกลงปารีสภายในปี พ.ศ. 2573 ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับกลุ่ม B “ ดร.ปัญญา กล่าว
ทั้งนี้ B ประสบความสำเร็จจากการเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม( Right Offering) หรือ RO ได้รับเงินเพิ่มกว่า 1.2 พันล้านบาท โดยเงินก้อนแรก 570 ล้านบาท นำไปลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มใน บริษัท เดอะ เมกะวัตต์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจพลังงานทดแทน โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) ทั้งในและต่างประเทศ ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนขยายกิจการของกลุ่มบริษัท ทั้งในส่วนของธุรกิจขนส่ง ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจพลังงานสีเขียว และสาธารณูปโภค (Green Energy and Utilities ) เพื่อผลักดันผลประกอบการกลุ่ม B ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ขณะเดียวกันก็ยังนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุน RO ไปชำระหนี้บางส่วน เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุน( D/E) ล่าสุดเหลือเพียง 0.07 เท่า
“เราใช้เงินเพิ่มทุน RO อย่างรอบคอบและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อกลุ่ม B เน้นลงทุนในธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นเมกะเทรนด์ของโลก สิ่งที่เราลงทุนไปในวันนี้ จะสร้างความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต” ดร.ปัญญา กล่าว
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการขออนุมัติผู้ถือหุ้นออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท(วอร์แรนท์)ครั้งที่ 8 หรือ B-W8 จำนวน 8,074 ล้านหน่วย จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 3 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 วอร์แรนท์ โดยไม่คิดมูลค่า ซึ่งถือเป็นการเตรียมความพร้อมเรื่องทุน รองรับการขยายกิจการ และหากผลการดำเนินงานของกลุ่ม B เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ก็จะสะท้อนมายังราคาหุ้นในตลาด ผู้ถือหุ้นก็มีโอกาสที่จะใช้สิทธิแปลงสภาพวอร์แรนท์เป็นสามัญได้ทุก 6 เดือน ตลอดอายุของวอร์แรนท์ 3 ปี ทั้งนี้จะมีการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 6 ตุลาคม นี้