แนวโน้มตลาดวันนี้ (26 มิ.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET การฟื้นตัว เริ่มชะลอตัว จากภาวะ overbought ในระยะสั้น และทิศทาง fund flow ยังไหลออก ทำให้คาดดัชนียังติดแนวต้าน 1325 จุด ต้องขึ้นทะลุผ่านให้ได้ก่อนถึงรีบาวด์ได้ต่อ โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1335 จุด ด้านแนวรับอยู่ที่ 1310 และ 1300 จุด ตามลำดับ หากต่ำกว่า เป็นสัญญาณลบต่อ
ประเด็นสำคัญ
• มิเชล โบว์แมน สมาชิก Fed และสมาชิกถาวรของFOMC ระบุขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาปรับลด ดบ. แต่เปิดกว้างต่อการปรับขึ้น ดบ. หากเงินเฟ้อยังคงไม่ปรับตัวลง
• ราคาหุ้น FedEx ปรับตัวขึ้นหลังรายงานผลประกอบการดีกว่าตลาดคาดในช่วงหลังตลาดปิด พร้อมประกาศซื้อหุ้นคืน 2.5 พันล้านเหรียญ
• ส.อ.ท. รายงานยอดผลิตรถยนต์ พ.ค. รวม 126,161 คัน ลดลง 16.19% คาดหวังนโยบายกระตุ้น ศก. ภาครัฐ-งบฯ 67-68 กระตุ้นกำลังซื้อ โดยเดือนหน้าจะทบทวนเป้าหมายยอกผลิตทั้งปีอีกครั้ง
• กพช. เห็นชอบโครงการนำร่องซื้อขายไฟฟ้าโดยตรงขนาด 2,000 MW เพื่อดึงดูดต่างชาติลงทุน Data Center ด้าน กกพ. เตรียมวางรายละเอียดหลักเกณฑ์ คาดเริ่มดำเนินโครงการได้ต้นปี 2568
• กกพ. ระบุแนวโน้มค่าไฟฟ้างวด ก.ย.-ธ.ค. ต้องติดตามสถานการณ์ต้นทุนราคาพลังงานอีกครั้ง โดยจะเร่งรวบรวมข้อมูลต้นทุนทุกด้านเพื่อคำนวณค่า Ft และประกาศรับฟังความคิดเห็นในเดือน ก.ค. นี้
• FETCO เตรียมหารือ ก. คลัง 28 มิ.ย. เกี่ยวกับเงื่อนไขรายละเอียดกองทุนภาษี โดย ก. คลังระบุมีหลายแนวคิดขับเคลื่อนตลาดทุนอีกหลายมาตรการ แต่ต้องใช้เวลา 6-9 เดือน คาด 2H67 มีกองทุนใหม่เพิ่ม
• GULF ส่ง บ. ลูกร่วมลงทุนกับ Google ในธุรกิจCloud ในไทย โดย ผบห. ระบุเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ให้บริการที่หลากหลายรวมถึงด้านความปลอดภัย และต่อยอดสู่ AI
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมอง SET ยังอยู่ในภาวะผันผวนและเปราะบางเช่นเดิม เนื่องจากปัจจัยการเมืองในประเทศยังยืดเยื้อทำให้ SET ยังมีโอกาส Underperform ตลาดหุ้นในภูมิภาค อย่างไรก็ดีมีความคาดหวังว่าปัจจัยเชิงเศรษฐกิจ อาทิเช่น ดัชนีอุตสาหกรรมและรายงานประชุม กนง. อาจจะส่งสัญญาณการฟื้นตัวของภาคการผลิตได้ นอกจากนั้นยังมีปัจจัยบวกจากการประกาศนโยบายสร้างความเชื่อมั่นตลาดทุน ทั้งการปรับเพิ่มวงเงินกองทุน T-ESG และมาตรการ Uptick ที่จะเริ่มใช้วันที่ 1 ก.ค. ส่วนปัจจัยต่างประเทศในสัปดาห์นี้คาดยังไร้ปัจจัยใหม่ โดยเน้นติดตามดัชนี PCE พ.ค. ของสหรัฐคาดทรงตัว MoM และปรับขึ้น 2.6%YoY (ชะลอตัวจาก 2.7%YoY ในเดือน เม.ย.) ซึ่งไม่น่ากดดันตลาดมากนัก ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
Top Picks
CPF 2Q67 คาดกำไรมีแนวโน้มโตดีสุดในกลุ่มอาหาร โดยจะเติบโต QoQ จากราคาสัตว์บกที่ปรับตัวดีขึ้นในไทยและเวียดนาม ต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลง และฟื้นตัวจากขาดทุนใน 2Q66 จากราคาสุกร ตปท. และราคาสัตว์บกใน ปท. ที่สูงขึ้น และได้ประโยชน์จากการขายธุรกิจที่สร้างผลขาดทุนออกไปใน 2H66
KCE มองเป็นหุ้น Global Play ผลประกอบการฟื้นตาม ศก. โลก ระยะสั้นได้ Sentiment บวกจากราคาทองแดงลดลง คาดปี 2567 กำไรปกติโต 44.7%YoY คาด 2Q67 กำไรโต YoY และ QoQ จากคำสั่งซื้อค้างส่งของ special grade PCB (HDI) ส่วน 2H67 เข้าสู่ High Season และมาร์จิ้นดีขึ้นจากการลดต้นทุน